โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

The New York Times เผยเอกสาร 400 หน้าที่รั่วไหลจากรัฐบาลจีน ถึงวิธีกักขังชนกลุ่มน้อย และมุสลิมอุยกูร์กว่า 1 ล้านคน

The MATTER

อัพเดต 19 พ.ย. 2562 เวลา 11.22 น. • เผยแพร่ 17 พ.ย. 2562 เวลา 09.12 น. • Brief

ประเด็นเรื่องชนกลุ่มน้อย และมุสลิมอุยกูร์ ในเขตปกครองตนเองของจีนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ได้มีข่าวเรื่องประชาชนที่ถูกกดขี่ ข่มเหง รวมไปถึงข่าวเรื่องการสร้างค่ายกักกันโดยรัฐบาลของจีนมาโดยตลอด แต่ล่าสุด The New York Times ได้เปิดเผยเอกสารที่รั่วไหลออกมาจากรัฐบาลจีน ถึงรายละเอียดในการจัดการกับชนกลุ่มน้อยเหล่านี้

เอกสารจำนวน 403 หน้าถูกเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งเป็นเอกสารที่พูดถึง รายละเอียดใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่จีนจัดให้มีการควบคุมตัวประชากรมากกว่า 1 ล้านคน จากชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม รวมถึงชาวอุยกูร์และคาซัคสถาน ซึ่งประเด็นสำคัญของเอกสารนี้ เผยว่า ปธน. สี จิ้นผิง ได้วางรากฐานการปราบปรามมาตั้งแต่ ปี 2014 หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในยูนนาน ที่มีชาวอุยกูร์เป็นผู้กระทำ

โดยสี ได้เรียกร้องให้มีการ "ต่อสู้กับการก่อการร้าย การแทรกซึม และการแบ่งแยกดินแดน" โดยใช้เครื่องมือของเผด็จการ ตามลัทธิคอมมิวนิสต์ และยังกล่าวว่าจะไม่มีความปรานีด้วย ทั้งทางการจีนยังรายการว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับ ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น จากการแยกครอบครัวชาวมุสลิมให้ออกจากกัน

The New York Times ได้เรียกการเปิดเผยครั้งนี้ว่าเป็น ‘การรั่วไหลที่สำคัญที่สุดจากภายในประเทศจีน’ โดยเป็นการรั่วไหลที่สำคัญที่สุดของเอกสารภาครัฐจากภายในประเทศจีน ที่ได้เผยให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ในการก่อตั้งค่ายปลูกฝังปรับทัศนคติ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในเอกสารยังพบว่า สีได้กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ในซินเจียง ใช้นโยบายแบบเดียวกับ ‘สงครามก่อการร้าย’ ของสหรัฐฯ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายหลังเหตุการณ์ 9/11 ด้วย

โดยจากเอกสารทั้งหมด 403 หน้า ได้แบ่งเนื้อหาเป็น คำปราศรัยของ ปธน.สี 96 หน้า, คำปราศรัยของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อีก 102 หน้า, คำสั่งและรายงานเกี่ยวกับการเฝ้าระวังและควบคุมประชากรอุยกูร์ ในซินเจียง 161 หน้า และ 44 หน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภายในของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

นอกจากนี้ เอกสารฉบับนี้ยังพูดถึงวิธีการตอบนักเรียนชาวอุยกูร์ ที่เดินทางไปเรียนต่างเมือง และกลับมาไม่พบคนในครอบครัวที่ถูกจับไป ว่าสมาชิกในครอบครัวไปรับการบำบัดเชื้อร้ายของก่อการร้าย ก่อนจะลุกลาม ทั้งความประพฤติของตัวนักเรียนเอง ยังจะมีผลให้สมาชิกได้ลดเวลาในค่าย หรือขยายเวลาออกไปด้วย

ก่อนหน้านี้ ได้มีรายงานเรื่องค่ายกักกันนี้มาตลอด และทางสหประชาชาติก็ได้ยืนยันว่ามีรายงานที่น่าเชื่อถือว่า ประชากรชาวอุยกูร์อย่างน้อย 1 ล้านคนถูกกักตัวไว้ในค่าย แต่ทางพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ได้ปฏิเสธมาโดยตลอด และอธิบายว่า เป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ใช้วิธีการที่ไม่รุนแรง เพื่อต่อสู่กับพวกสุดโต่งของศาสนาอิสลามเท่านั้น

อ้างอิงจาก

https://www.nytimes.com/interactive/2019/11/16/world/asia/china-xinjiang-documents.html

https://www.abc.net.au/news/2019-11-17/china-muslim-minority-camps-work-revealed-leaked-documents/11712152

https://www.bbc.com/thai/international-48689050

#Brief #TheMATTER

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0