โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

The Legend of Zelda : Majora’s Mask หน้ากากแห่งมฤตยู การเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายที่สุดในชีวิตของ Link

GamingDose

เผยแพร่ 21 ต.ค. 2561 เวลา 09.45 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง
The Legend of Zelda : Majora’s Mask หน้ากากแห่งมฤตยู การเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายที่สุดในชีวิตของ Link

"You've met with a terrible fate, Haven't you?"

เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าซีรี่ส์เกม "The Legend of Zelda" นั้นถือว่าเป็นซีรี่ส์ระดับตำนานและเป็นซีรี่ส์ขึ้นหิ้งระดับต้น ๆ ของโลก ไม่ว่าจะทั้งในด้านเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ ตลอดจนเรื่องของแรงบันดาลใจที่เกมซีรี่ส์นี้มีให้กับนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ ซึ่งตำนานบทนี้ยังคงเป็นตำนานที่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นทาง GamingDose จึงขอย้อนรอยไปในช่วงปี 2000 โดยยุคนี่ถือว่าเป็นยุคที่มีการแข่งขันในวงการเกมคอนโซลอันดุเดือด กับหนึ่งในภาคของซีรี่ส์เกม The Legend of Zelda ที่ขึ้นชื่อว่า "มีเนื้อหาที่ดาร์คทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม" หากเทียบกับภาคเก่า ๆ ของซีรี่ส์ อย่าง "The Legend of Zelda : Majora's Mask"

Legend of Zelda
Legend of Zelda

อะไรคือเกม The Legend of Zelda : Majora's Mask

The Legend of Zelda : Majora's Mask ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรี่ส์เกม The Legend of Zelda โดยในภาค Majora's Mask นั้นถือว่าเป็นภาคหลักตัวที่ 6 ของซีรี่ส์เกมนี้ ซึ่งได้ออกวางจำหน่ายถัดจากภาคมหาเทพอย่าง "Ocarina of Time" โดยลงให้กับเครื่อง Nintendo 64 และวางจำหน่ายทั่วโลกในปี 2000 นอกจากนี้แล้วตัวเกมยังได้ถูกพอร์ตไปยังเครื่อง Nintendo GameCube ในปี 2003 และมีการจับมาปัดฝุ่นทำใหม่ในรูปแบบของตัวเกมรีเมคในชื่อ "The Legend of Zelda : Majora's Mask 3D" โดยถูกวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 บนเครื่อง Nintendo 3DS

Majora's Mask ยังคงนำเสนอเกมเพลย์ในรูปแบบของAction Adventure ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการนำเสนอที่ขึ้นชื่อที่สุดของซีรี่ส์เกมนี้ โดยได้นำเกมเพลย์ของภาค Ocarina of Time มาปรับปรุงและดัดแปลงโดยให้มีวิธีการเล่นที่ค่อนข้างต่างจากภาค Ocarina of Time พอสมควรหรืออาจจะแตกต่างเป็นอย่างมากกันเลย โดยในภาคนี้สิ่งที่ถูกปรับปรุงไปอย่างชัดเจนก็คือ "บทบาทของ Ocarina of Time" หรือเครื่องดนตรีแห่งกาลเวลา ที่ในภาคนี้ถือว่าเป็น "กุญแจหลัก" ที่สำคัญเป็นอย่างมากในการดำเนินเกมเพราะคุณจะต้องใช้งานมันเพื่อยื้อเวลาไม่ให้เกมโอเวอร์ นั้นก็เพราะว่าในภาคนี้นอกจากจะมีเกมโอเวอร์จากการถูกโจมตีหรือเจออุปสรรคจนตายแล้ว ในภาคนี้ตัวเกมได้เพื่มระบบในส่วนของ "เวลาจำกัด" ที่ถูกเพิ่มเข้ามา โดยเราจะมีเวลาเพียงแค่ 3 วัน (ในเกม) เท่านั้นในการเคลียร์เนื้อเรื่องหลักให้จบ แต่เจ้า Ocarina of Time นี่แหละที่จะช่วยทำให้เราสามารถย้อนเวลาเพื่อยื้อเวลาก่อนที่เวลาจะหมดลงได้ ซึ่งหากเราไม่สามารถเคลียร์เกมในเวลาที่เหลือได้ตัวเกมก็จะตัดเข้าสู่ฉากคัตซีน และหลังจากนั้นตัวเกมก็จะ Game Over ซึ่งคุณต้องโหลดเซฟเดิมหรือเล่นใหม่

นอกจากนี้แล้วในภาคนี้ได้มีการปรับเปลี่ยน "ความสามารถ" ของ Link โดยภาคก่อน ๆ นั้นเราจะ "เก็บไอเทมพิเศษ" ที่เราได้รับจากการซื้อ การเล่นเนื้อเรื่อง หรือได้จากหีบใหญ่ในดันเจี้ยนต่าง ๆ ซึ่งไอเทมพิเศษที่เราได้มาจะเป็นตัวแทนของความสามารถที่ถูกปลดล็อค เช่นหากเราเก็บ "Hook" ได้ เราจะทำการเกาะวัตถุได้ หากเราเก็บ "Bomb" ได้เราก็จะสามารถใช้ระเบิดในการระเบิดหินหรือมอนสเตอร์ได้ ซึ่งในภาคนี้ของเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ แต่หลาย ๆ อย่างจะถูกเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอ จากเดิมที่เป็นไอเทมพื้นฐานประมาณ ตีนกบ รองเท้า หรือของที่แค่ดูรูปลักษณ์ก็นึกได้ว่ามันไว้ใช้ทำอะไร กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า "หน้ากาก" แทน ซึ่งหน้ากากที่เราได้มานั้นเมื่อเราใส่แล้วเราจะสามารถ "แปลงร่าง" เป็นสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เพื่อใช้ในการแก้ปริศนาและในการต่อสู้ได้ โดยแน่นอนว่าแต่ละหน้ากากจะมีความสามารถที่แตกต่างกันและมีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน

ส่วนเนื้อเรื่องของภาค Majora's Mask นั้น ถือว่าเป็นที่เด็ดของซีรี่ส์เกมนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกของซีรี่ส์เกม The Legend of Zelda ที่มีการใช้โทนเนื้อเรื่องออกไปทางโลกที่มืดมนทั้งในทางรูปธรรมและนามธรรมทั้งเกม จากเดิมที่โลกของเกมนี้จะสดใสหรือไม่ก็อาจจะแค่ดาร์คเป็นส่วน ๆ ของเนื้อเรื่องไป ซึ่งหากเทียบกับภาคก่อนหน้าของซีรี่ส์นี้ จะพบว่าไม่มีภาคไหนที่นำเสนอความดาร์คได้ชัดเจนเท่าภาค Majora's Mask อีกแล้ว ทั้งตัวละครเสริมที่มีมิติ และตัวร้ายที่แปลกใหม่ ซึ่งตัวร้ายในภาคนี้แม้จะไม่ใช่ Ganondorf แต่เป็นตัวร้ายประจำภาคอย่าง "Skull Kid" ที่มาพร้อมกับหน้ากากลึกลับอย่าง "Majora's Mask" ก็มีเบื้องหลังและปริศนาอันดำมึดที่ซ่อนอยู่ทั้งต่อหน้าและลับหลังกันเลยทีเดียว

Legend of Zelda
Legend of Zelda

เปิดตำนานเกม Majora's Mask

เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากที่ The Legend of Zelda : Ocarina of Time ได้ถูกวางจำหน่าย  โดยคุณ Shigeru Miyamoto ผู้ซึ่งเป็นขาใหญ่และเป็นตำนานแห่งวงการเกม ได้เริ่มวางแผนที่จะพอร์ตตัวเกมภาค Ocarina of Time ไปยังเครื่อง Nintendo 64 ในรูปแบบของแผ่นซีดี และมีการยกเครื่องดันเจี้ยนในเกมใหม่ ซึ่งฟังตรงนี้แล้วทางผู้เขียนเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงงง เพราะ"เจ้า Nintendo 64 มันใส่ได้แค่ตลับไม่ใช่เหรอ" เอาจริง ๆ แล้วจะคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดนัก แต่หลังจากนัันประมาณไม่กี่ปีทาง Nintendo ก็ได้ทำการปล่อยอุปกรณ์เสริมตัวใหม่ที่ใช้ในการรวมร่างเข้ากับเครื่อง Nintendo 64 เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถรองรับสื่อแผ่นซีดีได้ โดยถูกเรียกว่า "Nintendo 64DD"

แต่กับฝั่งของคุณ Eiji Aonuma ผู้ซึ่งเป็นบิดาแห่งซีรี่ส์เกมนี้กลับไม่ค่อยชอบไอเดียนีัสักเท่าไหร่นัก แถมระหว่างนั้นฝั่งของเขาก็มีการพัฒนา "The Legend of Zelda" ภาคใหม่อย่างลับ ๆ อีกต่างหาก โดยหลังจากที่เขาได้พัฒนาตัวเกมไปได้สักพัก คุณ Eiji Aonuma ก็ได้ไปถามคุณ Shigeru Miyamoto เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเกมภาคใหม่ ซึ่งคุณ Shigeru Miyamoto ก็ได้ไฟเขียวให้ โดยให้ระยะเวลาในการพัฒนาตัวเกมภาคใหม่นี้ประมาณ 1 ปี ซึ่งสำหรับค่ายเกมระดับ Nintendo บวกกับฟอร์มเกมในยุคนั้น 1 ปีก็ถือว่าเป็นเวลาที่ไม่ได้น้อยหรือไม่ได้เยอะแต่ประการใด

ระหว่างที่คุณ Eiji Aonuma ได้พยายามคิดถึงไอเดียใหม่ ๆ ที่จะนำใส่เข้าไปในเกมภาคนี้ เขาได้รับการช่วยเหลือจากคุณ "Yoshiaki Koizumi" ผู้สร้าง Super Mario 64 โดยตัวเขาได้แนะนำให้เพิ่มระบบเวลาที่สามารถเดินตามวัน (ในเกม) ได้จริงและมีผลกระทบต่อการกระทำของเรา และระบบดังกล่าวก็คือระบบ "Three-Day System" หรือระบบที่จำกัดเวลาเพียงแค่ 3 วันในเกมเท่านั้น ซึ่งแผนแรกที่เขาวางไว้นั้นก็คือให้มีเวลาจำกัดถึง 1 สัปดาห์ แต่เพื่อผู้เล่นสามารถจดจำสิ่งที่จะกระทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ลดเวลามาเหลือแค่เพียง 3 วันเพื่อเป็นการกดดันผู้เล่นให้มีความกระตือรือร้นในการเคลียร์เกม

แน่นอนว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีคำถามที่ผุดในหัวว่า "อ้าวแล้วหากหมดเวลาจะเกิดอะไรขึ้น ??" โดยเราจะย้อนไปในช่วงที่ภาค "Ocarina of Time" กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ในวันหนึ่ง คุณ Yoshiaki Koizumi ได้นอนฝันกลางวันถึงเหตุการณ์แปลก ๆ เกี่ยวกับ "ถ้าหากดวงจันทร์พุ่งชนสู่พื้นโลกจะเกิดอะไรขึ้น ??" และทำให้เขาหยิบไอเดียนี้เป็นคอนเซปต์หลักในเรื่องของ "ภัยพิบัติ" โดยใช้ในภาค Majora's Mask ที่ Link จะต้องหยุดยั้งภายในสามวัน ถ้าหากผ่านไปสามวันแล้ว Link หยุดไว้ไม่ได้ ดวงจันทร์ก็จะพุ่งชนเข้าสู่ดินแดน "Termina(ดินแดนหลักในภาคนี้) และจะ Game Over ในที่สุด พร้อมกับการปรากฏข้อความที่เป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ว่า

"You've met with a terrible fate, Haven't you?"

Legend of Zelda
Legend of Zelda

ผลตอบรับของ Majora's Mask

The Legend of Zelda : Majora's Mask บน Nintendo 64 ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของคำวิจารณ์และยอดขาย โดยสามารถทำยอดขายไปได้มากถึง 3.36 ล้านชุด แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าภาค Ocarina of Time แทบจะหารครึ่งที่สามารถทำได้มากกว่า 7 ล้านชุด และในทางฝั่งของตัวเกมรีเมคอย่าง The Legend of Zelda : Majora's Mask 3D ก็สามารถทำยอดขายไปได้ 2.03 ล้านชุดเมื่อในเดือนมีนาคมปี 2015 (ยอดขายยังไม่มีการอัพเดท)

ส่วนในด้านของคำวิจารณ์ แม้โดยรวมแล้วคะแนนจะดรอปลงจากภาค Ocarina of Time แต่ Majora's Mask ก็ยังคงเก็บคำวิจารณ์ในเชิงบวกจากสำนักรีวิวได้อย่างสวยงาม ทั้งในด้านเกมเพลย์ที่หลาย ๆ ส่วนดีมากขึ้นจากภาคที่แล้ว และเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น และมีความเศร้า มีความดาร์คที่สุดของซีรี่ส์เกม The Legend of Zelda โดยสามารถทำคะแนนเฉลี่ยจากหลาย ๆ สำนักได้ไปมากถึง 95/100 (Metacritic)

ตัวเกมได้ถูกยกย่องจากสำนักรีวิวและแฟน ๆ ในเรื่องของความดาร์คและความหนักหน่วงของเนื้อหา และนี่คือหนึ่งในภาคที่คุณสามารถหา Fanmade Contents มาเสพความคิดสร้างสรรค์ของแฟน ๆ เกม ได้ง่ายที่สุดภาคนึง ไม่ว่าจะเป็นงานภาพวาด งานเพลง งานนิยาย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่หากจะให้พูดถึงงาน "Fanmade" ที่ขึ้นชื่อที่สุดและโด่งดังที่สุดในบรรดาของคอนเทนต์ที่ทำโดยเหล่าแฟน ๆ เกม ก็คงต้องพูดถึงเรื่องเล่าสยองขวัญออนไลน์ระดับตำนานหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ "Creepypasta" อย่าง"Ben Drowned" ที่ได้นำเสนอความสมจริงในการเล่า โดยมีการทำ Glitch กับตัวเกมจนสามารถจำลองบรรยากาศที่สมจริงเพื่อประกอบการเล่าเรื่อง และความหลอนที่ถูกสื่อออกมาราวกับได้เห็นภาพจริง ๆ พร้อมกับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ เกมที่ได้อ่านที่เป็นไปอย่างดีเยี่ยมและถล่มทลาย ซึ่งเจ้าเรื่องเล่า Ben Drowned จัดได้ว่าเป็น 1 ใน Fanmade Contents ที่มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของซีรี่ส์ The Legend of Zelda กันเลยทีเดียว

Legend of Zelda
Legend of Zelda

และนี่คือเรื่องราวของ The Legend of Zelda : Majora's Mask เซลด้าที่ดาร์คที่สุดในซีรี่ส์ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งสาบานได้ว่าไม่ได้มาจากจักรวาล DC แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ ไอเดียของตัวเกมภาคนี้ก็เริ่มจากไอเดียที่ดูง่าย ๆ รอบตัว อย่างเพียงแค่การฝันกลางวันเท่านั้น แต่กลับสามารถแปรสภาพกลายเป็น "ภัยพิบัติ" ในเกมที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก และปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ลงตัวจนแฟน ๆ ยกภาคนี้ให้อยู่บนหิ้งไปอีกภาคนึง

เพราะฉะนั้นเหตุผลที่ทางผู้เขียนเขียนบทความนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะแค่จะมอบความรู้และเนื้อหาที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเท่านั้น แต่เป็นการทำเคสศึกษาขึ้นมาเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์หรือนักพัฒนาเกมที่อาจจะเข้ามาอ่านหรือเข้ามาศึกษาว่า บางทีสิ่งรอบตัวคุณก็สามารถดัดแปลงกลายเป็นจุดเด่นและทีเด็ดของวีดีโอเกมได้อย่างคาดไม่หมายถึง โดยเฉพาะกับในยุคนี้ที่วีดีโอเกมเป็นไปด้วยสงครามกราฟิกและเนื้อเรื่อง มันก็จะมีเรื่องของไอเดียที่สามารถทำให้ทั้งนักพัฒนาเกมและเกมเมอร์ร้องว้าวได้ แถมยังทำให้หลาย ๆ เกมได้ถูกพูดถึงในฐานะของเกมที่เจ๋งเป้งและสามารถกลายเป็นเกมทำเงินของค่ายเกมได้ในที่สุดครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0