โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เมื่อ RATCH เพิ่มทุนครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 23.47 น. • เผยแพร่ 23 มิ.ย. 2564 เวลา 10.55 น. • This’s Alano

RATCH หรือ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดได้ประกาศเพิ่มทุน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ทีมข่าว Wealthy Thai สรุปมาให้นักลงทุนแล้ว
โดยนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ พิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท จาก 14,500 ล้านบาท เป็น 22,192,307,700 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 769,230,770 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวม 7,692307,700 บาท เพื่อออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัท มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (PPO)
สำหรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว มีอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิมไม่ต่ำกว่า 1.885 หุ้น ต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ โดยบริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้ PPO และระยะเวลาจองซื้อรวมถึงการชำระราคาหุ้นในภายหลัง โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นช่วงเดือนพ.ย. 64
ทั้งนี้คาดว่าการออกหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะมีมูลค่าเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยราคาเสนอขายจะคำนวณ จากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ตั้งแต่ 7-15 วัน และหักส่วนลดไม่เกิน 25% ของราคาตลาด และส่งผลกระทบราคาหุ้นลดลงไม่เกิน 8.7% และคาดว่าได้รับเงินไม่เกินมี.ค.65
อย่างไรก็ตามในกรณีที่มีหุ้นสามัญที่ออกใหม่เหลือจากการจัดสรหุ้นในการเสนอชายหุ้น PPOให้พิจารณาจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายหุ้น PPOดังกล่าว ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งรวมถึงผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง
ขณะที่วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน เพื่อใช้ลงทุนโครงการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ซึ่งรวมถึงการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย การชำระหนี้ของบริษัท และเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป
ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ประกอบด้วย เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทฯ ตลอดจนช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ และดำรงอัตราสวนทางการเงินของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และสร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการขยายการลงทุนเพิ่มเติม อันจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโคได้ในอนาคต
นอกจากนี้บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RHIS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ RATCH ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของกลุ่มบริษัทที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 2,045 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ Paiton Power Generation Complex โดย RHIS จะเป็นผู้ถือหุ้น 45.51% ในกิจการโรงไฟฟ้า และ 65% ในธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าว มีสัญญาซื้อขายไฟกับรัฐบาลอินโดนีเซียเหลืออีก 21 ปี

เปิดมุมมองกูรูตลาดหุ้น

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กรณีที่ RATCHประกาศที่จะเข้าซื้อโรงไฟฟ้าต่อจากกลุ่มมิตซุย กำลังการผลิตราว 2 พันเมกะวัตต์ แต่ต้องแลกมาด้วยการเพิ่มทุน โดยดีลดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 1/65 โดยมองว่าการประกาศเพิ่มทุนเป็น negative sentiment อยู่แล้ว แต่ต้องดูด้วยว่าได้กำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาดังกล่าว
ทั้งนี้โรงไฟฟ้าใหม่ดังกล่าวจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ถือว่าค่อนข้างสูงแต่ปัจจุบันฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างขอรายละเอียดจากผู้บริหาร อย่างไรก็ตามประเด็น Dilution Effectคาดไม่ 100% เหมือนจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น และสุดท้ายต้องดูว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ทั้งจำนวนหรือไม่ ราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี แต่แน่นอนว่าการตอบรับเชิงลบเกิดขึ้นก่อน
อย่างไรก็ตามมองว่าไม่จำเป็นต้องแพนิค หากราคาลงลึกมาก และมีหุ้นอยู่ ก็รอให้ฟื้นตัว หรือรอดูข้อมูลมากกว่านี้ก่อน แต่มองว่าเงินปันผลปีนี้ยังจ่ายเหมือนเดิม โดย RATCHมีการจ่ายเงินปันผลทุกครึ่งปีประมาณ 1.15-1.25 บาท ซึ่งปกติครึ่งแรกจะจ่าย 1.15บาท ดังนั้นนักลงทุนที่ถือรับปันผลก็ควรถือรอรายละเอียดที่ชัดเจน จะแพนิคไปก็ไม่มีเหตุผล เพราะการเพิ่มทุนก็จะตามมาด้วยการเติบโต เชื่อว่ามีความสมดุลกัน แต่สายเทรดแนะนำให้หมุนเงินออกไปก่อนเมื่อราคาหุ้นมีเสถียรภาพ เพราะ overhang หุ้นจะถูกล็อกไปจนช่วงปลายปี
ด้านบริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า เป็นปัจจัยลบในระยะสั้นเนื่องจาก ในเบื้องต้น เราไม่เห็นความจำเป็นของ RATCH ที่ต้องเพิ่มทุน เนื่องจาก net D/E ratio ที่ตํ่าเพียง 0.54 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/64 (71% ของหนี้ของบริษัทจะครบกำหนดชำระหลังปี 68) ซึ่ง RATCHสามารถที่จะกู้เงินได้สูงถึง ซึ่งคาดว่า RATCH น่าจะใช้เงินในการซื้อ 3-4.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้การซื้อโครงการที่เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทำให้มีสัดส่วนรายได้จากไฟฟ้าถ่านหินจะเพิ่มขึ้น (ปัจจุบันอยู่ที่ 40%) ซึ่งสวนกระแสการลงทุนในปัจจุบันที่เน้นการลงทุนในพลังงานสะอาด โดยอาจส่งผลให้นักลงทุนสถาบันที่มีกฎเกณฑ์ในเรื่อง ESG ที่เข้มงวด
โดย ทางพื้นฐานฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเหมาะสม สำหรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ ราคาหุ้นอาจตอบรับเชิงลบในระยะสั้นและนิ่งรอราคาเพิ่มทุน ซึ่งอาจกระทบนักเก็งกำไรระยะสั้น แต่ไม่กระทบผู้ถือลงทุนระยะยาว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0