โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“กอง ETF-หุ้นไทย” เข้าใจง่าย-ซื้อขายแบบ Real Time…อีกทางเลือกการลงทุนที่ตอบโจทย์ !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 19.21 น. • เผยแพร่ 18 มิ.ย. 2564 เวลา 14.41 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

“กองทุนอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund: ETF)” หรือที่นักลงทุนคุ้นว่าคือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ซื้อขายได้ใน ‘ราคาปัจจุบัน (Real Time)’ สะดวกเหมือนหุ้นหนึ่งตัว ซึ่งถือเป็น ‘จุดเด่น’ ที่สำคัญของกองทุนประเภทนี้
นอกจากนี้ ‘กอง ETF’ ยังมีการ ‘บริหารเชิงรับ (Passive Investment)’ ที่สร้างผลตอบแทนเกาะไปกับดัชนีอ้างอิงเป็นสำคัญ ไม่มีการใส่มุมมองของผู้จัดการกองทุนเข้าไป ทำให้มี ‘ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการที่ถูกกว่า’ กองหุ้นแบบ Active Fund
อีกทั้งใช้เงินลงทุนไม่มาก ลงทุนหลักร้อยบาท เสมือนหนึ่งได้ลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีไปทั้งตะกร้าเลยทีเดียว เรียกว่า ‘คุ้มสุดคุ้ม’ อีกด้วย
ปัจจุบัน มี ‘กอง ETF’ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยนั้น ก็มีหลากหลายประเภทของสินทรัพย์ที่ลงทุนให้เลือกอยู่แล้ว แต่วันนี้เราจะมาโฟกัสที่ ‘กอง ETF-หุ้นไทย’กัน
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงขอโอกาสนำเสนอข้อมูลผลตอบแทนของ ‘กองทุนรวม ETF-หุ้นไทย’ ว่าในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมาแชร์ให้แก่ผู้ที่สนใจและคนอ่านกันในครั้งนี้

“กอง BMSCG” แชมป์กลุ่มกอง ETF-หุ้นไทย โชว์ผลตอบแทนสุดสวยตั้งแต่ต้นปี 32.09%

สำหรับ ‘กองทุนรวม ETF-หุ้นไทย’ ได้มีให้นักลงทุนให้คัดเลือกกันอยู่ 9 กอง ซึ่งผลการดำเนินงานของแต่ละกองทำได้ค่อนข้างดีแต่จะบางกองทุนที่ผลงานทำได้ค่อนข้างดีหรือมีความโดดเด่นกว่ากองทุนอื่นๆ ซึ่งอย่างที่บอกกล่าวไปเบื้องต้นว่า…ผลการดำเนินงานของ ‘กอง ETF’ ก็จะขึ้นกับไส้ในซึ่งเป็น ‘โครงสร้างของตะกร้าหุ้น’ ของดัชนีที่แต่ละกองเข้าไปลงทุนเป็นสำคัญ แต่ในภาพรวมก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับปีนี้เพราะตลาดหุ้นไทยเองก็มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีเช่นกัน
โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุดตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 16 มิ.ย. 64) ในกลุ่มมีชื่อว่า “กองทุนเปิด BCAP Mid Small CG ETF” หรือ BMSCG” จาก ‘บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด’ ด้วยผลตอบแทน 32.09%
“ด้วยกลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) ส่วนนโยบายการลงทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ ‘ดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR’ รวมถึงหุ้นที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงดังกล่าวด้วย”
ซึ่งกองทุนมีนโยบายการลงทุนซึ่งส่งผลให้มี net exposure ในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและบริษัทขนาดเล็ก ที่มีการกํากับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงบริษัทที่ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (CAC) ซึ่งการพิจารณาการกํากับดูแลกิจการที่ดีอาจพิจารณาจากการจัดอันดับ CG Scoring ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือหน่วยงานอื่นใด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

อันดับถัดมา “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF” หรือ “1DIV” จาก ‘บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด’ด้วยผลตอบแทน 11.11%
“กองทุนมีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง ‘ดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index’ ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย โดยลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
อันดับที่ 3 เป็นกองทุนอีกหนึ่งกองจาก ‘บลจ.บางกอกแคปปิตอล’ ที่มีชื่อว่า “กองทุนเปิด BCAP SET100 ETF” หรือ “BSET100” ด้วยผลตอบแทน 10.65%
“กองทุนมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง ‘SET100 Total Return Index’ ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งอาจพิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Full Replication หรือ Optimization เพื่อให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET100 Total Return Index
2 อันดับสุดท้ายเป็นกองทุนจาก ‘บลจ.วรรณ’ โดยกองทุนแรกมีชื่อว่า “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ” หรือ TDEX” ด้วยผลตอบแทน 9.31%
“เป็นกองทุนที่ใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (passive management strategy) โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง ‘SET50 Index’ รวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน”
สุดท้ายมีชื่อกองทุนว่า “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET100 ETF” หรือ TH100” ด้วยผลตอบแทน 9.18%
“โดยใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) ภายใต้นโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง ‘ดัชนี SET100 Index’ ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน”
“กองทุนรวม ETFหุ้นไทย ผลการดำเนินถือว่าทำได้ไม่เลวนัก ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุนที่มีผลงานที่โดดเด่นที่สุดก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก โดยนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ‘กอง ETF’ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กันถึงแม้จะมีตัวเลือกไม่มากนักก็ตาม”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0