Oppday เมื่อวานนี้คุณต๊อบบอกว่าน่าจะเลวร้ายที่สุดแล้วนะ จริง ๆ ก็อาจจะพอเป็นไปได้ ถ้าเราดูอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิย้อนหลังคือ
Q1’19 กำไร 81 ล้านบาท (-46%)
Q2’19 กำไร 98 ล้านบาท (-36%)
Q3’19 กำไร 69 ล้านบาท (-47%)
และที่สำคัญคือ Q4’18 กำไรแค่ 25 ล้านบาท เท่านั้นเอง มันคงไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้แล้วมั้ย ?
จุดเริ่มต้นเราต้องมาทำความเข้าใจ Pain Point ของ TKN กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
1. มีปัญหา Distributor ที่เมืองจีน ต้องยกเลิกไปและยอดขายหายเกลี้ยง
2. พอยอดขายหด กำลังการผลิตก็ลดลง เดินเครื่องจักรได้ไม่เต็มที่ ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น
3. วัตถุดิบสาหร่ายที่ต้นทุนต่ำ ที่ไปตุนมายังไม่ได้ใช้ซักที เพราะยอดขายหด ของเก่ายังผลิตไม่หมดเลย กระทบต้นทุนอีก
4. SG&A บวมนะ เพราะเอาไปลงกับการบุกตลาดอเมริกา ข้าวแกงกะหรี่ Hinoya รวมไปถึงงบการตลาดของในประเทศที่ลดไม่ได้ ไม่งั้น market share หายหมด
โดยสรุปแล้ว Pain Point ของ TKN ค่อนข้างหนักหนาสาหัส และเป็นวงจรแบบงูกินหาง ไล่ตั้งแต่ยอดขายหด การผลิตลด ต้นทุนเพิ่ม (บวกกับสาหร่ายแพง) แถม SG&A ก็ลดไม่ได้อีก แล้วแบบนี้กำไรจะมาได้ยังไง ใช่มั้ยครับ
=========================
ทีนี้ลองมาดูกันว่า มีอะไรที่ TKN ทำแตกต่างจากเดิมไปบ้างที่พอจะทำให้เชื่อได้ว่าจะฟื้นจริง ๆ
1. เปลี่ยน Distributor ไปเลย คือ ORION ให้เจ้าเดียวเลย ขายหุ้น Big Lot ให้ด้วย เป็นเจ้าใหญ่มีออเดอร์สินค้ามาแล้วปลายเดือนตุลาคม ได้ยินผู้บริหารพูดเบา ๆ ว่า มี repeat order แล้ว และตอนนี้ต้องทำ OT กันแล้ว กำลังการผลิตตั้งแต่ต้นปีก็ 80% ได้
2. ได้ยินแบบนี้ก็ใจชื้นว่า ยอดขายจีนน่าจะดีนะ น่าจะกลับไปได้ที่ 200 ตู้เหมือนเดิมไม่ยาก
แต่ แต่ แต่ อย่าประมาท เพราะยอดขายตอนนี้เค้าเรียกว่า pipeline คือ ขายปูพรมเอาเข้าร้านค้าไปก่อน อารมณ์แบบ sale เวลาไปเยี่ยมร้านค้า ก็บอกให้อาเฮ้ยอาซ้อ ติดไว้ลองขายซักโหลนึงลังนึงนะ ของใหม่ขายดี
ต่อจากนี้ไปคือของจริงมากกว่าว่าจะขายได้ดีแค่ไหน มี Demand จริงมั้ย หรือจะมีคู่แข่งทั้งของ copy ทั้งขนมแบบอื่นอีกมั้ย ถ้ายอดยังมาเรื่อย ๆ จนถึงปีหน้า ก็น่าลุ้นครับว่าของจริง
3. แล้วที่สำคัญ ยอดขายต้องมาพร้อมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าแรกเข้า หรือ Listing Fee ที่เข้าใจว่า TKN ต้องจ่ายด้วย จากเดิมที่ไม่ได้จ่าย เข้าใจว่าแพงอยู่นะ แปลว่าระยะสั้น ยอดขายเพิ่มจริง แต่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มตามเช่นกัน
4. กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอันนี้ดี ต้นทุนจะลดลง บวกกับ จะเอาสาหร่ายล็อตราคาถูกมาผลิตแล้วนะ (น่าจะจริงแล้วนะรอบนี้ รอมานาน) ก็จะช่วยให้ต้นทุนลดลงอีก
5. ตลาดอเมริกา เห็นว่าผลตอบรับดี ขายใน Costco ทางแถบ California ไปแล้ว น่าจะเพิ่มไปที่อื่นต่ออย่างเช่น Texas และรัฐอื่น ๆ อีก โดยเน้นไปที่สาหร่ายทอด ที่ตอนนี้ยังไม่มีใครขาย ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี แต่ยังขาดทุนอยู่นะ ถ้าขายดีต่อเนื่อง ไม่นานคงได้เห็นกำไร
6. ตลาดอินโด กับ CLMV อันนี้ก็ขายดี แต่ยอดขายคงไม่เยอะมาก อาจช่วยไม่ได้เยอะ แต่ก็ยังดีที่โต
7. TKN จะเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่จาก Seaweed Snack มาเป็น Super Snack ด้วย 3P
Plant Based Snack ก็คือ สาหร่ายที่ทำอยู่ ตอนแรกฟังแล้วตกใจนึกว่าจะไปทำแบบ Beyond Meat
Protein Snack คือ My Whey ที่จะมีเป็นแบบ Power Bar, Power Ball อะไรแบบนี้
Premium Snack เพราะเป็นเทรนด์ที่กำลังมา เช่น เทมปุระไข่เค็ม เดี๋ยวจะมีตัวอื่นตามมาอีก
8. จะควบคุม SG&A ไม่ให้เปอร์เซ็นต์เพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่
คือ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนได้หมด ผมว่าน่าสนใจ เรื่องที่สำคัญที่สุดทั้งในเชิงของตัวเลขและขวัญกำลังใจ คือ ตลาดจีน ถ้าการจับมือกับ ORION สำเร็จ ไปต่อได้อีกไกลทั้งจีนเอง เกาหลี รัสเซีย เวียดนาม
ตอนนี้คุณต๊อบเองก็บอกว่า กำลังคุยแผนปีหน้าอยู่ ไม่ได้ประมาท เพราะก็เคยเจ็บตัวมาแล้ว ถ้ายอดมาจริงก็จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ไม่ยาก
======================
สิ่งที่อยากจะฝากเพื่อน ๆ พิจารณากันคงมี 2 เรื่องครับ คือ
1. ยอดขายอาจจะเพิ่มจริง แล้วกำไรจะมาแค่ไหน เชื่อเถอะว่า ค่าใช้จ่ายช่วงแรกเยอะแน่ ๆ อย่าประเมินมูลค่าสูงเกินไป
2. ตอนนี้ราคาประมาณ 10 บาท P/E 50 เท่า ต่อให้โตเท่าตัว P/E เหลือ 25 เท่า คิดว่าถูกหรือแพง แต่ถ้าปีต่อไปโตต่อได้อีก P/E ก็จะลดลงมาอีกได้ ก็ต้องอยู่ที่ผลงานแล้วว่าจะดีแค่ไหน
ใครคิดว่า TKN bottom out แล้วกดหัวใจให้ดูหน่อยครับ
ส่วนใครที่คิดว่า ยังมีต่ำกว่านี้อีก กดร้องไห้ ได้เลย
อ้อ ลืมบอกไป คุณต๊อบได้บอกเอเจนซี่แล้วว่า ต่อจากนี้ห้าม surprise ผู้บริหารในงาน Meet & Greet อีก
แล้วที่จะจัดงานรอบใหม่ให้กับแฟน ๆ คุณต๊อบควักเงินตัวเองจ่ายครับ ไม่ใช่เงินบริษัท
Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow
