โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

"Saturday School" โรงเรียนนอกห้องเรียนกับหลักสูตรสุดแนวที่จะทำให้เด็กๆอยากมาเรียนในวันหยุด!!

LINE TODAY

เผยแพร่ 04 มี.ค. 2564 เวลา 04.53 น. • Expinion.J

*“Saturday School” โรงเรียนที่สอนในวันเสาร์แห่งนี้คือพื้นที่ๆเปิดโอกาสให้ นักเรียน สามารถมองเห็นศักยภาพในตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บางครั้งโอกาสมันไม่ได้มากับทุกคนแต่ นักเรียนก็สามารถเป็นคนที่สร้างโอกาสได้และ Saturday School เป็นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าต้องการใครหรืออยากจะให้เราเข้าไปช่วยอะไรเราก็พร้อมที่จะอยู่ตรงนั้นกับเค้า” *

นี่คือสิ่งที่ ทิพย์ จุฑาทิพย์ ตาฬุมาศสวัสดิ์ คุณครูรุ่นใหม่ไฟแรงอดีต Teach for Thailand รุ่นแรก วัย 26 ปี ที่ไม่รีรอให้ภาครัฐเข้ามาเปลี่ยนแปลงนโยบายการศึกษา แต่อยากที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ทันที เพราะเธอเชื่อว่าการศึกษามี impact หรือ ผลกระทบ ต่อชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก เธอบอกกับทีมงาน LINE TODAY ด้วยแพชชั่นที่เต็มเปี่ยมที่อยากจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยให้กับเด็กรุ่นใหม่!!

Saturday School เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนในวันเสาร์ โดยจะเริ่มเปิดสอนทุกปีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งเป็นโครงการที่เธอกำลังทำอยู่ร่วมกับเหล่าอาสาสมัครผู้มีแพชชั่นที่อยากจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยเพื่อสร้างโอกาสให้กับเด็กในโรงเรียนขยายโอกาส ที่ฐานะทางบ้านไม่ดี ได้มองเห็นและดึงศักยภาพตัวเองออกมาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและอาชีพให้ตัวเองต่อไป

ครูทิพย์ บอกว่า Saturday School เป็นเหมือนร่มใหญ่ที่มีโปรเจคย่อยๆสอดแทรกอยู่ในนี้หลายโปรเจค อย่างเช่น “Student Support” ทิพย์ในฐานะ Project Manager เล่าว่า Student Support เป็นหนึ่งในโปรเจคของ Saturday School ที่จะสนับสนุน และ โค้ชชิ่งนักเรียน ในทุกๆด้านแบบ long life support สนับสนุนดูแลนักเรียนกันในระยะยาวตั้งแต่มอต้นจนจบ มอหก ทั้ง Hard skills และ Soft skills ไม่ว่าจะเป็นด้าน ภาษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การเต้น การออกแบบ ทำอาหาร ต่อยมวย

โดยจุดเด่นของโรงเรียนแห่งนี้คือ ไม่ได้สอนวิชาที่มีในโรงเรียนและนักเรียนสามารถเลือกได้ว่าเค้าจะเรียนอะไร โดยจะมี specialist หรือ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆที่เป็นอาสาสมัครเข้ามาสอน ซึ่งอาสาสมัครก็ต้องผ่านการเทรนมาอีกทีหนึ่ง โดยระยะเวลาการเรียนการสอนของ Student Support ในทุกครั้งที่จัดจะใช้เวลาเรียนกันประมาณ 10 สัปดาห์ หรือ 2 เดือนครึ่ง โดย Target หรือ กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นเด็กช่วงมัธยมต้นในโรงเรียนขยายโอกาสเพราะ เราต้องการลดความเหลื่อมล้ำ และโรงเรียนสอนในวันเสาร์ไม่ใช่วันเรียน เราก็ต้องการเด็กทีโตและมีความรับผิดชอบประมาณหนึ่ง อีกอย่างเด็กในวัยนี้เป็นวัยที่มี creativity (ความคิดสร้างสรรค์) สูง ต้องการสร้าง Character ค้นหาตัวตน ถ้าถามว่าเรื่อง Academic หรือ วิชาการ สำคัญมั้ยสำคัญ แต่เรื่อง Character หรือการค้นหาตัวตนก็สำคัญมากเช่นกัน 

Student Support นอกจากจะ support สนับสนุนเรื่องการสร้าง skill ทักษะ ศักยภาพให้กับเด็กแล้ว ยังสนับสนุนเรื่องเงินทุนด้วยพวกเรามีทีมหา fund raising (ทุน) หา donation (เงินบริจาค) และ scholarship (ทุนการศึกษา) ต่างๆ เพราะเด็กหลายคนมาจากบ้านที่มีฐานะค่อนข้างยากจน ซึ่งเด็กบางคนเรียนเก่งมากแต่ไม่ยอมมาโรงเรียน เพราะไม่มีค่ารถ 20 บาท ซึ่งจริงๆการให้ “ทุน” มันดีในเรื่องพื้นฐานเรื่องการเรียน แต่เราก็อยากจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองให้เป็นเงิน สร้างรายได้ได้ และรู้จักเก็บออมด้วย

ทิพย์จึงค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่อง “Entrepreneur” หรือ product development (การพัฒนาผลิตภัณฑ์)ที่อยากจะนำมาสอนก็เพื่อดึงศักยภาพในตัวเด็กที่เค้ามีอยู่ให้เค้าได้ปล่อยของ นำมาพัฒนาต่อยอดเป็น product (ผลิตภัณฑ์) ที่สามารถสร้างรายได้ได้ อย่าง นักเรียนบางคนวาดรูปเก่งมาก แต่มากสุดก็วาดส่งแค่ในโรงเรียน เราเลยให้เค้าวาดรูปแล้วหาพื้นที่ให้เค้าเอาไปขาย ที่เราอยากจะผลักดันทักษะด้านนี้ให้กับนักเรียน เพราะนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างทักษะของเด็กแล้วยังสามารถสร้างอาชีพหารายได้ รู้จักเก็บออมได้ มันก็เป็นเรื่องสำคัญ

แล้วเราจะวัดความต่อเนื่อง หรือ พัฒนาการของเด็กได้อย่างไร? 

ทิพย์บอกว่า “คนที่เป็นครูจะสังเกตและบอกได้ว่านักเรียนมีการพัฒนาขึ้นไหม” แต่ถ้าพูดให้เห็นภาพชัดเจนก็คือ ดูว่านักเรียนมีส่วนร่วม มีความรับผิดชอบมากขึ้นไหม เราจะเห็นชัดเจนว่านักเรียนมีการเปลี่ยนแปลง และในแต่ละครั้งที๋โครงการจบเราจะวัน “Big Day” ให้เด็กได้มาโชว์ ได้มาปล่อยของว่าตลอดเทอมที่ผ่านมาเราได้อะไร สำเร็จอะไรกันไปบ้าง

อีกหนึ่งโปรเจคของ Saturday School ที่ทาง LINE TODAY ฟังแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจคือSaturday School International Volunteer (SSIV) 

เมื่อถามครูทิพย์เกี่ยวกับโปรเจคดังกล่าวเธอก็เล่าให้ฟังว่า “SSIV” เป็นโปรเจคที่ต้องการทำให้การท่องเที่ยวมีความหมายมากยิ่งขึ้น โดยการให้ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวที่ไทยสมัครเข้ามาสอนภาษาเด็กในชุมชน โดยเน้นการสอนเรื่อง English for Tourism (ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว) ครั้งหนึ่งมีระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยในสัปดาห์แรกนักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปสอนเด็กตามชุมชนโดยมีครูไทยช่วยประกบ

ส่วนในสัปดาห์ที่สอง เด็กก็จะพาเค้าเที่ยวในชุมชนที่ตัวเองไปสอน โดยเราอยากจะ inspire สร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน เพราะเด็กบางคนอยากพูดภาษาอังกฤษนะแต่พอเจอฝรั่งแล้วเค้าไม่กล้าพูด พอเค้าได้เริ่มพูดปุ๊บเค้าจะ มีความมั่นใจ รู้สึกว่า I can do it! ครั้ง

ต่อๆไปก็จะง่ายขึ้น ซึ่ง impact ทั้งชาวต่างชาติและนักเรียน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ impactที่เกิดขึ้นกับคุณครู คือเราต้องการสร้าง inspiration ให้กับครูไทย เราอยากให้ครูที่สอนในโรงเรียนอยู่แล้วได้เห็นว่าการที่ต่างชาติมาสอนเป็นอย่างไร เด็กสนุกสนาน อย่างไร interact ปฏิสัมพันธ์ ของครูกับ นักเรียนเป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่เราหวังมากๆ

ทาง LINE TODAY รู้มาว่าคุณทิพย์เป็น Teach for Thailand รุ่นแรก ซึ่งเป็นโครงการที่ให้คนทั่วไปอาสาสมัครไปเป็นครูในโรงเรียนขยายโอกาสเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยได้เงินเดือนเทียบเท่ากับข้าราชการทั่วไป เลยอยากรู้ว่า การไปทำ *Teach for Thailand ทำให้คุณมองเห็นปัญหาทางการศึกษาของไทยเป็นอย่างไร? *

ครูทิพย์เล่าว่า พอเข้าไปเรารู้สึกว่าระบบการศึกษามันต้องแก้ไขชัดเจนเลย แต่ที่สำคัญกว่านั้นมันคือระบบสังคมเพราะว่าเด็กเกิดขึ้นและเติบโตในบ้านที่มีปัญหา บางครั้งการศึกษาดีขนาดไหนแต่ถ้าสังคมไม่ดีมันก็ไม่ได้ เรื่องครอบครัวมันจึงสำคัญมากๆ บางคนเรียนดีมากแต่กลับไปบ้านพ่อแม่ตีกันอย่างงี้ ส่วนความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามันมีมากอยู่แล้วในทุกประเทศแต่จะเหลื่อมล้ำมากหรือน้อยจะเป็นตัวบอกว่าประเทศไหนเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นการเทรนครูก็สำคัญ เทรนให้มีความรู้จริงๆ 

เราเห็นว่าการสร้าง impact ในชีวิตคนมันเป็นสิ่งสำคัญ เราเคยโดดไปทำเรื่องนโยบายการศึกษา อยากถือร่มที่มันใหญ่ขึ้น แต่คิดว่าการสอนหนังสือมันคือการส่ง impact ไปเลย เพราะเราไม่รู้ว่า policy (นโยบาย) มันจะไป ถึงนักเรียนเมื่อไหร่ เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่รอไม่ได้ ต้องเห็นเองถึงจะบอกได้ว่ามันคือสิ่งนี้ และการเป็นคุณครูนะคะ “ถ้าคุณครูเป็นมากกว่าคุณครู นักเรียนเค้าจะรู้สึกสบายใจ บางครั้งคุณครูมีนักเรียนเยอะมากเลยเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ว่า ตัวนักเรียนเองจะมีครูไม่กี่คนหรอกค่ะที่อยู่ในใจ”

สำหรับใครที่อยากเข้าไปร่วมทีมเป็น specialist หรือ อาสาสมัครในด้านไหนเพื่อสานฝันของเด็กๆให้เป็นจริงก็เข้าไปสมัครกันได้ตามช่องทางนี้เลยจ้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0