โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

STC เคาะไอพีโอหุ้นละ 1.00 บาท ฝ่ามรสุมเข้าเทรด 29 พ.ย.นี้

Wealthy Thai

อัพเดต 22 พ.ย. 2562 เวลา 07.51 น. • เผยแพร่ 22 พ.ย. 2562 เวลา 07.51 น. • wealthythai
STC เคาะไอพีโอหุ้นละ 1.00 บาท ฝ่ามรสุมเข้าเทรด 29 พ.ย.นี้

**Hightlight

  • เปิดจองซื้อ20 - 22พ.ย. เข้าเทรดใน mai 29 พ.ย.นี้
  • หุ้นมีสตอรี่รับอานิสงส์ EEC
  • วางเป้าเป็นหุ้น Growth Stock กำไรสุทธิ 9 เดือนพุ่ง 221.39%

 

 

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์  เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 148 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาทต่อหุ้น

 

โดยการเสนอขายหุ้นไอพีโอดังกล่าว คิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็น การเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 82.97% เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 15% เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัฯ 2.03%

 

ทั้งนี้กำหนดเปิดจองซื้อไอพีโอในช่วงระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายนนี้ พร้อมทั้งคาดว่า จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562  ในหมวดธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า STC ขณะที่ราคาไอพีโอดังกล่าว คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 20.41 เท่า คำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยบริษัทมีการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรที่โดนเด่นตามนโยบายการลงทุนในโครงการ EEC ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตาม STC ได้นำเสนอข้อมูลธุรกิจให้แก่นักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเชื่อมั่นในทีมผู้บริหาร ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการคอนกรีตมากว่า 30 ปี มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ขณะที่ STC ขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับดีมานด์จากงานของภาครัฐบาลและเอกชน สอดรับกับนโยบาย EEC จึงมั่นใจ STC จะเป็นหุ้นจิ๋ว แต่แจ๋ว ที่สยายปีกโตอย่างแข็งแรง ภายใต้ฉายา “เสือคอนกรีตภาคตะวันออก”

           

"ในสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยผันผวนแบบนี้ เราไม่กังวลกับปัจจัยดังกล่าว เพราะมองว่าหุ้นไอพีโอของ STC เป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ได้อานิสงส์จากการขยายตัวของงานภาครัฐบาล และเอกชน ซึ่ง STC ได้ขยายโรงงานเพื่อรอรับโอกาสดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และมีแผนการเติบโตอย่างชัดเจน โดยนักลงทุนจะเห็นสัญญาณบวกจากผลประกอบการของ STC ตั้งแต่ปีนี้ กำไรทุบสถิติใหม่ตั้งแต่งวด 9 เดือน จึงมั่นใจจะสะท้อนมาที่ความเชื่อมั่นของไอพีโอน้องใหม่ตัวนี้อย่างแน่นอน” นายรัฐชัยกล่าว

 

นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ STC เปิดเผยว่า มั่นใจบริษัทจะเติบโตโดดเด่น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เงินประมาณ 141.30 ล้านบาท นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว

 

 

วางเป้าเป็นหุ้น Growth Stock

 

ทั้งนี้วางเป้าเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่ได้อานิสงส์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และเป็น Dividend Stock ที่มีนโยบายการจ่ายปันผล ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

           

“STC เรามีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และพันธมิตรที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ เราเด่นในเรื่องผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่มีสินค้าหลากหลายที่สุด และได้อานิสงส์จากงานโครงการในเมืองพัทยา และการขับเคลื่อนโครงการในภาคตะวันออก หรือ EEC ที่เริ่มมีการขยับตัวอย่างชัดเจนมา 2 ปีแล้ว โดยโรงงานของ STC มี 4 โรงงาน อยู่ในทำเลใจกลางเมืองพัทยา ทำให้ได้เปรียบในเรื่องระยะทางขนส่ง ต้นทุนการแข่งขันทำได้ดีกว่าคู่แข่ง ประกอบกับ แบรนด์ STC ได้รับการยอมรับและความน่าเชื่อถือ จึงสนับสนุนให้ STC เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการผลิตท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักขนาดใหญ่ ซึ่งหาคู่แข่งได้น้อยราย ทำให้เราสามารถสร้างอัตรากำไรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต” นายเอกชัยกล่าว

 

ขยายโรงงานใหม่ รองรับ EEC

 

นอกจากนี้ในช่วงปลายปีที่แล้ว บริษัทได้ลงทุนขยายโรงงานใหม่ที่นาวัง เฟส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเตรียมพร้อมรับดีมานด์จากงานภาครัฐบาลและเอกชน ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีนี้ที่ประกาศออกมาแค่ไตรมาสเดียว กำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 ขณะที่งบ 9 เดือนปี 2562 มาตามนัด เติบโตกว่าปี 2561 ทั้งปีเรียบร้อยแล้ว

 

 

กำไรสุทธิ 9 เดือนพุ่ง 221.39%

 

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2562 มีรายได้รวม 107.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 102.99 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 37.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.85% ส่วนกำไรสุทธิ 9.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ สนับสนุนให้รายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ โดยเฉพาะสินค้าท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น

 

 

 

ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2562 รายได้รวม 303.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 273.09 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 25.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.27% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือน ปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 31.78% และ 27.54% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 5.91% และ 4.05% ตามลำดับ

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0