ไวรัสCovid-19 กำลังสร้างความเสียหายทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงรวมถึงภาคการลงทุน ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ระบาดไปทั่วโลก แต่เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวและส่งออก รวมถึงผู้บริโภคจากประเทศจีนเป็นหลัก จึงเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยที่ดู“อาการหนัก” อันดับต้นๆของภูมิภาค เห็นได้จากค่าเงินบาทและ SET Index ที่ลดลงหนัก
SET Index สองปีติดลบแล้ว487 จุดหรือ-26.31%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือSETIndex ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า232 จุดหรือ-13.53% โดยตั้งแต่วันจันทร์ที่24 กุมภาพันธ์ ซึ่งการระบาดของไวรัสCovid-19 เริ่มมีความรุนแรงและกระจายไปทั่วโลกมากขึ้น ดัชนีSETIndex ปรับตัวลดลงสามวันทำการ 113 จุดหรือ-7.52%
ณ เวลานี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้สร้างจุดต่ำสุดในรอบเกือบ4 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งสุดท้ายที่หุ้นไทยอยู่ในระดับนี้คือเดือนตุลาคมปี2016 และหากนับตั้งแต่หุ้นไทยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่(All Time High) ในวันที่26 กุมภาพันธ์2018 ที่1855 จุด ตลาดหุ้นไทยได้เป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงมาแล้ว487 จุดหรือ-26.31% ภายในเวลาสองปีพอดี
กราฟเทคนิคระบุSET “ขาลง” ชัดเจน
จากกราฟในไทม์เฟรมMonth พบว่าSET Index ได้หลุดเส้นเทรนด์ไลน์(เส้นสีเหลือง) ที่ประคองขาขึ้นมาตั้งแต่ปี2010 อย่างสิ้นเชิง ตามมาด้วยหลุดเส้นEMA89 ที่เคยทำท่าจะหลุดมาตั้งแต่ปี2016 ลงไปแล้ว โดยมีเส้นEMA200 วันที่ระดับ1200 จุด เป็นแนวรับต่อไป
เปิดโผหุ้นSET100 “โรงไฟฟ้า-นอนแบงก์” ยังยืนเหนือEMA200 วัน“โรงไฟฟ้า-นอนแบงก์”
จากการตรวจสอบหุ้นในกลุ่มSET100 ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสถาบันใช้อ้างอิงเพื่อการลงทุนพบว่ามีเพียงแค่16 ตัวเท่านั้น ที่ยังสามารถยืนเหนือเส้นEMA200 วันได้ โดยกลุ่มที่ปรับตัวลดลงน้อยที่สุดคือกลุ่มโรงไฟฟ้านำโดยBGRIM และGULF นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนอนแบงก์อย่างKTC SAWAD TISCO TQM JMT รวมถึงธนาคารขนาดเล็กอย่างTISCO TCAP
ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหารอย่างOSP CPF ยังมีราคายืนเหนือเส้นEMA200 วัน และยังมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างHANA KCE STA TASCO รวมถึงหุ้นสาธารณูปโภคอย่างTTW และโรงพยาบาลอย่างCHG
เงินบาทพลิกอ่อนค่ามากที่สุดในเอเชีย
ปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทไทยปรับตัวแข็งค่ามากที่สุดในเอเชียโดยแข็งค่าแตะ30 บาทต่อดอลลาร์ ทว่าตั้งแต่ต้นปี2020 เป็นต้นมา ค่าเงินบาทไทยกลับอ่อนค่ามากที่สุดอันดับแรกๆในเอเชีย โดยอ่อนลงมาแตะระดับ31.8 หรืออ่อนค่าลง5.9% ระดับเดียวกับดอลลาร์ออสเตรเลียที่อ่อนค่า6% ขณะที่เงินหวอนเกาหลีใต้ ติดลบลงมา5%,มาเลเซียริงกิต อ่อนค่า3.2%,เงินเยนญี่ปุ่น อ่อนค่า1.6%,ดอลลาร์ไต้หวันอ่อนค่า1.10% และ รูเปี๊ยอินโดนีเซียอ่อนค่า0.6%
ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับแข็งค่าขึ้น1.9% เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้(Safe Haven Asset) ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น8.6% สะท้อนว่าตลาดการเงินโลกในเวลานี้กลัวความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของCovid-19 เป็นอย่างมาก
ก.ล.ต. แนะนักลงทุนจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของ SET Index เมื่อวานนี้ (26 ก.พ. 2563) เป็นผลจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ซึ่งน่าจะมีผลต่อบางอุตสาหกรรม และเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก
ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพบว่าระบบการซื้อขายและชำระราคาของธุรกิจหลักทรัพย์สามารถดำเนินการได้ตามปกติ
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันนี้(26 ก.พ. 2563) จะช่วยให้เกิดการลงทุนและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ จึงขอแนะนำให้ผู้ลงทุนติดตามและศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนอย่างรอบคอบ
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง :ตลท.เผยหุ้นทั่วโลกร่วงแรงจากไวรัสโควิด-19 ชี้หุ้นไทยมีคุณสมบัติรีบาวด์เร็ว