ทันหุ้น – สู้โควิด -SELICยิ้มรับสติ๊กเกอร์กาวกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่มขายดี ช่วงโควิด-19 ระบาด หนุนยอดขายพุ่งพรวด เล็งส่งสติกเกอร์ใหม่ในกลุ่มอาหารแช่แข็งทำเงินต่อคาดชัดเจนไตรมาส 3/63 ชี้ลูกค้าอุตสาหกรรมรองเท้า เครื่องหนังกลับสู่ภาวะปกติ เล็งปรับตัวเลขยอดขายจากต้นปีที่ตั้งเป้าโต 10% พร้อมบริหารเงินสดในมือ 114 ล้านบาท
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจการผลิตและจำหน่ายกาวสำหรับอุตสาหกรรม บริษัทสามารถขายกาวที่ใช้สำหรับกลุ่มอาหาร เครื่องดื่มได้จำนวนมาก โดยมีอัตราการเติบโตระดับสูง ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการกักตุนสินค้าจำนวนมาก และบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นตามความต้องการอาหารที่สูงขึ้น
ขณะที่คาดลูกค้ากลุ่มรองเท้า เครื่องหนัง จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ จากก่อนหน้านี้การขายกาวในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่มีความจำเป็น
ลุยออกโปรดักส์ใหม่
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มสติ๊กเกอร์ โดยเป็นสินค้าสติ๊กเกอร์สำหรับใช้กับกลุ่มอาหารแช่แข็ง หรือทนต่อความเย็น หากอาหารนั้นอยู่ในช่องแช่แข็ง คาดจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3/2563 อย่างไรก็ดีหากบริษัทสามารถผลิตสินค้าและวางขายได้ตามแผน คาดจะช่วยสนับสนุนยอดขายสินค้ากลุ่มสติ๊กเกอร์เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มสติ๊กเกอร์ขนาดเล็กเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตามการขายสินค้าออนไลน์และเดลิเวอรี่และสติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสติ๊กเกอร์สำหรับติดแทร็กกระเป๋า เนื่องจากการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศชะลอตัว อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามเจาะกลุ่มลูกค้าสติ๊กเกอร์กลุ่มอื่น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรักษาและลดผลกระทบต่อยอดขายจากหน่วยธุรกิจของซีลิค ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อการคงสภาพคล่องและกระแสเงินสด รวมถึงความสามารถในการทำกำไร เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
โชว์เงินสดในมือ114ล.
ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 114 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยู่ที่ 111 ล้านบาท และบริษัทจะจัดการภายในองค์กร และบริษัทขอดูทิศทางยอดขายเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/2563 ก่อนว่าเป็นอย่างไร บริษัทจึงจะปรับตัวเลขการเติบโตยอดขายในปีนี้ โดยต้นปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน 1.39 พันล้านบาท
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 22.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.3% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2562 ที่มีกำไร 13.59 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 329.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2562 ที่ 317.66 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจสติ๊กเกอร์ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีรายได้แบ่งเป็น จากธุรกิจกาวอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 44% และรายได้จากธุรกิจสติ๊กเกอร์ 56%
สำหรับธุรกิจกาวอุตสาหกรรมนั้น ไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้จากการขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 6.55% ขณะที่รายได้จากการขายต่างประเทศลดลง 4.07% อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ายอดขายมีการปรับตัวลดลงทั้งในและต่างประเทศ 3.5% และ 22.4% ตามลำดับ โดยการหดตัวในตลาดต่างประเทศส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 กับการส่งออกเนื่องจากหลายประเทศมีการปิดเมืองในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
