โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

PTTGC ร่วงหนักขนาดนี้ น่าซื้อเก็บหรือยัง?

efinanceThai

เผยแพร่ 22 ม.ค. 2563 เวลา 02.26 น.

PTTGC ถูกกระหน่ำเทขาย วันเดียววอลุ่มปูดกว่า 413% จากค่าเฉลี่ย 5 วันที่ผ่านมา กดราคาหุ้นร่วงกว่า 9% คาดได้รับแรงกดดันจากงบ Q4/62 ที่อาจทำนิวโลว์ของปี หลังปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เกือบ 2 เดือน ทำกำลังการผลิตลด แถมจีนประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุน นักวิเคราะห์ชี้แม้ราคาสะท้อนข่าวร้ายแล้ว แต่ไม่น่ารีบซื้อ เพราะมีโอกาสที่จะปรับฐานอีกรอบ

ราคาหุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ที่ปรับตัวลดลงแรงวานนี้(21 ม.ค.)ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจในภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงไปเกือบ 15 จุด แต่ราคาที่ดิ่งพสุธากว่า 9% พร้อมๆ กับปริมาณการซื้อขายที่มากผิดปกติ คือเพิ่มขึ้น 413% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันที่ผ่านมานั้น ทำให้เกิดคำถามว่า เพราะอะไร PTTGC จึงถูกเทขายรุนแรงขนาดนี้ และนี่ใช่จังหวะซื้อแล้วหรือยัง?

** Sentiment เชิงลบจากจีน หลังประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกทั่วประเทศภายในปี 65

โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติและกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมจีน ประกาศนโยบายใหม่โดยจะห้ามใช้ถุงพลาสติกในเมืองใหญ่ๆ ของจีนภายในสิ้นปี 2563 และในปี 2565 จะห้ามใช้ถุงพลาสติกเมืองระดับรองลงมาและตามอำเภอต่างๆ ส่วนตามตลาดขายสดจะได้รับการยกเว้นจนถึงปี 2568 ซึ่งนี่จะทำให้ดีมานต์หายไปจากตลาดค่อนข้างสูง และอาจส่งผลให้สเปรดปิโตรเคมีฟื้นตัวช้ากว่าเดิม จึงเป็นประเด็นที่กระทบหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในช่วงนี้

** PTTGC ยังได้รับแรงกดดันจากงบ Q4/62 ที่คาดจะลดลงทําระดับต่ำสุดของปี

บล.เอเชีย พลัส  ระบุว่า สำหรับ PTTGC ระยะสั้นยังมีแรงกดดันจากงบ Q4/62 ที่คาดจะลดลงทําระดับต่ำสุดของปี และต่อเนื่องใน Q1/63 แม้จะดีขึ้นแต่ยังไม่มากเพราะมีปิดซ่อมบำรุง(shutdown)โรงงานโอเลฟินส์ รวมถึงภาพรวมอุตฯที่ยังไม่สดใส ดังนั้นโอกาสที่ราคาหุ้นจะ outperform ตลาดจึงค่อนข้างยากในช่วงสั้น

โดยคาดกําไรสุทธิ Q4/62 เท่ากับ 382 ล้านบาท ลดลงถึง 85.7%qoq หลักๆเป็นผลมาจากผลการดําเนินงานปกติที่เผชิญกับผลขาดทุนราว 1.0 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เป็นกําไร 2.4 พันล้าน บาท กดดันหลักธุรกิจโรงกลั่นที่เผชิญกับผลขาดทุนจากแผน shutdown โรงกลั่น 54 วัน เช่นเดียวกับ ธุรกิจอะโรเมติกส์ที่จะเผชิญกับผลขาดทุนอยู่ 

คาดจะมีเพียงธุรกิจโอเลฟินส์ที่ยังพอมีกําไรใน Q4/62 ถึงแม้ spread ผลิตภัณฑ์โดยรวมจะลดลง แต่การลดลงของ spread ของ PTTGC ซึ่งใช้ก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบหลัก 89% จะไม่มากเท่ากับผู้ประกอบการที่ใช้ Naptha เป็นวัตถุดิบหลัก จึงยังส่งผลให้ EBITDA Margin ของธุรกิจโอเลฟินส์ 4Q62 ยังอยู่เหนือจุด breakeven

อย่างไรก็ตามในงวด Q4/62 คาดจะได้ในส่วนของรายการพิเศษช่วยหนุนไว้ทําให้เป็นกําไรสุทธิ จากการบันทึกกลับเป็นกําไรจาก สต๊อกน้ำามัน รวม NRV ราว 210 ล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เป็นขาดทุนฯ รวมถึงบันทึกกําไรจาก hedging และ Fx เพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วคาดกําไรสุทธิ และกําไรปกติปี 2562 เท่ากับ 1.2 หมื่นล้านบาท และ 9.6 พันล้านบาท ลดลง 70.8%yoy และ 77.7%yoy ตามลําดับ ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า 

เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง ที่คาดกำไรสุทธิ Q4/19 ที่ 463 ล้านบาท ลดลง 89% YoY และ 83% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากสินค้าคงคลัง, กำไรจากการปองกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดขาดทุนหลักที่ 494 ล้านบาท พลิกเป็นขาดทุน YoY และ QoQ ซึ่งคาดจะโดนกดดันจาก 1) การปิดปรับปรุงโรงกลั่นตามแผน, 2) อัตรากำลังการผลิตของโรงงานอโรมาติกส์ลดลง (วัตถุดิบจากโรงกลั่นลดลงจากการปิดปรับปรุง), 3) GRM ลดลง, 4) ส่วนต่างผลิตภัณฑ์เคมิคอลลดลง

** คาดไตรมาส 1/63 ยังมีกำไร แต่ไม่โดดเด่นมาก เพราะยังมีแผน shutdown

บล.เอเชีย พลัส มองว่า ในภาพใหญ่ความหวังการฟื้นตัวของกําไรในปี 2563 น่าจะอยู่ในช่วง 2H63 แต่ทั้งนี้ในช่วงสั้นงวด 1Q63 คาดผลการดําเนินงานปกติจะพลิกกลับเป็นกําไรได้ หนุนหลักจากโรงกลั่นที่กลับมาเดินเครื่อง เต็มที่ไม่มี shutdown ส่งผลให้ Utilization rate เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 100% จาก 51% ในงวดก่อนหน้า 

แต่คาดกําไรก็ยังคงอยู่ในระดับตํ่าราว 1.0-2.0 พันล้านบาท เพราะในงวด 1Q63 จะมีแผน shutdown โรงงานโอเลฟินส์ I4-1 และ I4-2 โรงละ 39 วัน ภายใต้ spread โอเลฟินส์ดีขึ้นเล็กน้อยจาก งวดก่อนหน้า ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์คาดยังทรงตัวระดับตํ่าต่อเนื่องจากงวดก่อนหน้า 

โดยฝ่ายวิจัยได้ทําการปรับลดประมาณการกําไรปี 2563-64 ลง 40% และ 33% จากเดิม สะท้อนปรับลด สมมติฐานราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์ในปี 2563 และ 2564 ลงจากเดิม 100 เหรียญฯ ต่อตันซึ่งภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้แนวโน้มกําไรปกติปี 2563 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 2.3%yoy สะท้อน มุมมองบวกของธุรกิจโรงกลั่นที่ให้เป็นพระเอกในปี 2563 จากผลบวกของ IMO ที่คาดจะส่งผลให้ spread ผลิตภัณฑ์ LSFO และกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น (ปัจจุบัน PTTGC สามารถ upgrade HSFO ได้ทั้งหมด 100% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 13-15% ของกําลังการกลั่นรวม) อีกทั้งกําลังการผลิตกลับมา เดินเครื่องเต็มกําลังไม่มี shutdown แต่ทั้งนี้ก็จะถูกหักล้างกับกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์ที่ผลการดําเนินงาน ลดลงตาม spread และแผน shutdown ส่วนในปี 2564 คาดจะเห็นกําไรปกติเพิ่มขึ้น 5.3%yoy  

** แม้ราคาปัจจุบันกับราคาพื้นฐานจะมี Upside แต่นักวิเคราะห์บอกไม่ต้องรีบ ราคาหุ้นมีโอกาสปรับฐานอีกรอบ

บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ภายใต้ประมาณการใหม่ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2563 อิง DCF เท่ากับ 61 บาทต่อหุ้น (เดิม 66 บาท) แนะนําซื้อจาก upside และ DivYield ที่ยังเหมาะสม แต่ทั้งนี้ยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน  เพราะช่วงสั้นคาดยังมีแรงกดดันจากกําไรทั้ง Q4/62 และ Q1/63 ที่ยังไม่สดใสมากนัก มีโอกาสที่ราคา หุ้นจะมีการปรับฐานรับปัจจัยลบดังกล่าวอยู่จึงเน้นให้เป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาว 

ขณะที่ บล.บัวหลวง ระบุว่า  มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ)  แนวโน้มกำไร Q4/19 ที่อ่อนแอ กลยุทธ์จึงแนะ wait and see ยังไม่รีบซื้อ ด้านพื้นฐานนั้น ยังคงคำแนะนำ ถือ โดยราคาที่ถูก น่าจะสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว รวมถึงอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับที่ดีที่ราว 3.7%

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจพอเดาได้ว่านี่คงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปสะสม PTTGC แม้ราคาจะพอมีอัพไซต์และปันผลให้พอกรุบกริบ แต่ก็ยังไม่ควรรีบกระโจน เพราะไม่รู้ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/62 นั้นจะมีอะไรเซอร์ไพร์สหรือไม่ คงต้องรอให้ประกาศงบการเงินเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาพิจารณากันใหม่ว่าโอกาสที่ราคาหุ้น PTTGC จะกลับมา โดดเด่นกว่าตลาดนั้นมีมากน้อยเพียงใด

ดูข่าวต้นฉบับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0