โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Nokia 6.1 Plus จอใหญ่ไร้ขอบรุ่นแรกบุกไทย

Manager Online

อัพเดต 18 ก.ย 2561 เวลา 09.58 น. • เผยแพร่ 18 ก.ย 2561 เวลา 09.58 น. • MGR Online

เอชเอ็มดี โกลบอล เจ้าของลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟน Nokia 6.1 Plus สมาร์ทโฟนไร้ขอบรุ่นแรกในประเทศไทย ขีดราคา 8,990 บาทตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทั้งดูวิดีโอและเล่นเกม ขอ 2-3 ปีขึ้นท็อป 3 แบรนด์สมาร์ทโฟนทั้งตลาดไทยและตลาดโลก ปูพรมจำหน่าย 3,000 ชาแนลทั่วไทยขยายฐานจากยอดจำหน่ายที่ทำได้เกิน 70 ล้านเครื่องทั่วโลกในขณะนี้

ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวถึงแนวทางการแข่งขันของโทรศัพท์มือถือแบรนด์โนเกียช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ว่ายังโฟกัสที่ตลาดสมาร์ทโฟน โดยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด Nokia 6.1 Plus เกิดขึ้นเพราะแฟนโนเกียตอบรับสมาร์ทโฟนซีรีส์ 6 อย่างดี โดยถัดจากเจเนอเรชันแรก โนเกียเปิดตัว 6.1 เป็นเจเนอเรชัน 2 และนำเอาความสำเร็จมาพัฒนาเป็น 6.1 Plus ซึ่งเด่นที่หน้าจอไร้ขอบรุ่นแรก

"6 ซีรีส์มีความต้องการชัดมาก อย่างเช่นรุ่น 6.1 ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็จำหน่ายหมดที่จีนและอินเดีย" โดยธนเดชอธิบายว่ารุ่นใหม่ 6.1 Plus จัดเต็มทั้งคุณสมบัติเครื่อง จอไร้ขอบ กล้องคู่ รองรับวิดีโอไลฟ์แบบโบธี่ซึ่งถ่ายได้พร้อมกัน 2 ด้านหน้าและหลังกล้อง คาดว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์วัน (Android One) รุ่นนี้จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่อยากได้สมาร์ทโฟนไปดูยูทูบ หรือเล่นเกม ในราคาไม่ถึง 9 พันบาท

ธนเดชยืนยันว่า HMD จะจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายไปยังออนไลน์ โดยได้ร่วมมือกับ Shopee และ JD Central เพื่อเปิด Nokia Official Shop บนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ทั้งหมดนี้ทำพร้อมกับการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ที่มุ่งเน้นการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์โนเกียว่ามีความสามารถในการใช้งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการบอกเล่าเรื่องราวหรือสร้างคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดีย

เบื้องต้น HMD ไม่เปิดเผยสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนโนเกียช่วงครึ่งแรกปี 2018 ที่ผ่านมา แต่ในแง่ของแบรนด์ ธนเดชระบุว่าจากการศึกษา พบว่ากลุ่มตัวอย่างยอมรับโนเกียในแง่ของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์อันดับ 5 ของตาราง

"แปลว่าคนเข้าใจแล้ว ว่าวันนี้โนเกียมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ฟีดแบกต่างๆจากพาร์ทเนอร์ดีมาก เราขยายช่องทางจำหน่ายกับทั้งออนไลน์และร้านค้าปลีก รวมถึงลูกตู้ ตั้งแต่ร้านเทลโคยันโมเดิร์นเทรด วันนี้เรามี 3,000 ชาแนลรวมกัน"

สำหรับเทรนด์การแข่ง AI วันนี้ ธนเดชมองว่ามีจุดต่างที่การจับวัตถุได้พร้อมกันหลายตำแหน่ง เช่น ในภาพที่มี 10 คน 10 ตำแหน่ง AI บนสมาร์ทโฟนโนเกียก็สามารถตรวจจับได้โดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ใดเพิ่มเติม

"ความท้าทายของโนเกียวันนี้ในตลาดไทย ผมว่าการแข่งขันคือตัวแปรสุดท้าย ในภาพรวมคือผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ จะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์แฟนโนเกียได้ พร้อมกับทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ยอมรับเราด้วย เราจึงออกรุ่นใหม่ให้ตอบคนรุ่นใหม่มากขึ้น"

จุดที่ธนเดชเชื่อว่าจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ใน Nokia 6.1 Plus คือโหมด HDR บนระบบแอนดรอยด์วัน ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แท้ที่พร้อมอัปเดตตลอดเวลา ไม่มียูไอหรือส่วนติดต่อผู้ใช้ของโนเกียครอบทับ

"ทุกครั้งที่กูเกิลปล่อยอัปเดต เราจะใช้เวลาไม่นาน สำหรับแอนดรอยด์รุ่นใหม่อย่าง Android Pie คาดว่าโนเกียจะทดสอบและพร้อมให้อัปเดตไม่เกินตุลาคมนี้ เราพยายามเป็นเจ้าแรกในตลาดที่อัปเดตเป็น Android Pie"

เป้าหมายล่าสุดของ HMD ในตลาดไทยคือต้องการให้โนเกียเป็นแบรนด์ท็อปเพลเยอร์ใน 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งในแง่ตลาดไทยและตลาดโลก โดยที่ผ่านมา โนเกียใช้เวลาเกิน 1 ปีจึงสามารถเป็นท็อปแบรนด์อันดับ 5 ในตารางสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ซึ่งในแง่ยอดขาย (ข้อมูลมกราคม 2018) พบว่า HMD สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียไปแล้ว 70 ล้านเครื่อง ตลาดหลักอยู่ที่หลายภูมิภาคทั้งจีน อินเดีย เอเชียแปซิฟิก และยุโรป ยอดขายคิดเป็นมูลค่า 2,170 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะนี้ โทรศัพท์มือถือแบรนด์โนเกียมีวางจำหน่ายในไทย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มฟีเจอร์โฟน 2 รุ่นคือ 3310 รุ่นใหม่และ Nokia 8110 4G ทรงกล้วยหอม และกลุ่มสมาร์ทโฟน 11 รุ่น (รวม 6.1 Plus) คาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียรุ่นใหม่วางจำหน่ายอีก เบื้องต้นผู้บริหาร HMD ระบุเพียงว่าจะไม่หยุดเท่านี้ในช่วงไตรมาสปลายปี

สำหรับ Nokia 6.1 Plus เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ใช้หน้าจอ 19:9 บนหน้าจอ 5.8 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Full HD+ พร้อมค่า Color Gamut 96% ใช้กระจก Gorilla Glass จาก Corning ทรงโค้ง ชิปเซ็ต Snapdragon 636 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm ซึ่งประมวลผลได้รวดเร็วกว่ารุ่นที่แล้วถึง 40% รองรับ USB Type-C ชาร์จไฟไว กล้องหลังคู่ 16/5 MP มีโหมด HDR ช่วยทำให้ภาพมีชีวิตชีวา กล้องหน้า 16 MP พร้อมโหมด Bothie ที่ทำให้สามารถ ถ่ายภาพจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อมกัน โดยมีเทคโนโลยี AI ช่วยปรับภาพให้สวยงามขึ้นโดยอัตโนมัติ มี 3 สีให้เลือกได้แก่ สีดำ (Gloss Black) สีขาว (Gloss White) สีน้ำเงินเข้ม (Gloss Midnight Blue) กำหนดการเริ่มจัดจำหน่ายภายในเดือนกันยายน ราคา 8,990 บาท.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0