โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

New Normal ภาพปกติใหม่ ชีวิตภายใต้ COVID-19

TODAY

อัพเดต 28 มี.ค. 2563 เวลา 06.00 น. • เผยแพร่ 27 มี.ค. 2563 เวลา 19.00 น. • Workpoint News
New Normal ภาพปกติใหม่ ชีวิตภายใต้ COVID-19

ต่อจากนี้ไป เราจะใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เรามีของสำคัญใหม่ที่ต้องพกไปด้วยนอกจากกระเป๋าตังค์และมือถือก็คือ เจลแอลกอฮอล์ เราคุยกันแต่เราก็จะคุยกันด้วยระยะห่างกว่า 2 เมตร และนี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คนช่วงนี้ในยุคที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก

ขณะที่ตอนนี้ยังไม่มียาและวัคซีนในการป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อโควิด-19 มาตรการต่าง ๆ ก็ได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง บางบริษัทก็ได้ให้พนักงาน Work from Home เพื่อป้องกันการรวมตัวของคนจำนวนมาก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในมาตรการ ‘การเว้นระยะห่างทางสังคม’ (Social Distance) ที่ตอนนี้ทุกคนต้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก นอกจากจะลดการติดเชื้อแล้วก็ยังช่วยลดในการแพร่เชื้ออีกด้วย และไม่ใช่แค่กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เท่านั้น โรคอื่น ๆ ที่เกิดจากการอยู่ใกล้กับที่ผู้ที่ป่วย เช่น ไข้หวัด วัณโรค ก็ลดความเสี่ยงลงด้วยเช่นกัน

ออกจากบ้านทีไร ต้องหยิบ ‘หน้ากากอนามัยกับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ’ ไปด้วย

กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ กุญแจบ้าน นี่คือสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะนำไปด้วยเวลาที่เราจะออกไปไหน แต่สำหรับในยุคนี้ อีก 2 สิ่งที่ไม่ควรจะลืม และบางคนถึงขั้นต้องวนรถกลับมาหยิบที่บ้าน นั่นก็คือ หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ บางคนอาจจะมีสำลีก้อนชุบแอลกอฮอลล์ไว้หรือสเปรย์แอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อเพื่อใช้เช็ดสิ่งของที่จับอีกด้วย โดยเฉพาะ ‘โทรศัพท์มือถือ' คือสิ่งที่อย่างน้อย เราคงต้องจับ 1 ครั้งต่อวัน

จากรายงานการวิจัยในวารสาร Journal of Hospital Infection ได้ระบุว่า เชื้อโควิด-19 สามารถที่จะมีชีวิตอยู่นอกร่างกายมนุษย์หรือบนวัตถุต่าง ๆ ได้นานถึง 9 วัน มือถือเองก็เป็นแหล่งที่สามารถสะสมเชื้อโรคได้เป็นระยะเวลานานและเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวเราตลอดเวลา ทำให้ตอนนี้แอลกอฮอลล์ก็สำคัญไม่ต่างกับมือถือเลยก็ว่าได้ ดังนั้น หากช่วงจำเป็นที่จะต้องออกไปไหน ก็จะเห็นสถานที่ต่าง ๆ มีบริการเจลแอลกอฮออล์หรือเราก็จะเห็นว่าคนรอบตัวหลายคน หลังจากจับสิ่งของหรือธนบัตรก็จะนำเจลมาเทบนมืออยู่ตลอด

ต่อแถวตาม ‘กากบาทและเส้นกั้น’

อีกหนึ่งภาพที่ตอนนี้เริ่มจะเห็นกันแล้ว โดยเฉพาะใจกลางเมืองแต่ละแห่งที่เป็นศูนย์รวมคนเที่ยว กิน ช้อป หลังจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิดระบาด ในหลายพื้นที่ก็ได้ทำการขีดเส้นกั้นหรือมีกากบาทสำหรับการต่อคิว เพื่อไม่ให้ระหว่างการเข้าคิวนั้นมีความใกล้ชิดกันมากจนเกินไป และหากลองสังเกตดี ๆ บางที่ก็จะระบุไว้เลยว่า ‘โปรดเว้นระยะ…ระหว่างบุคคลเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ COVID-19’ ถ้าช่วงนี้เดินทางไปยังพื้นที่แออัด แล้วลองก้มมองที่พื้นก็จะเห็นกากบาทสีแดงอยู่ตลอดทาง

นับว่าเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากไม่มีมาตรการมารองรับ จากการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ จนถึงวันที่ 15 เม.ย. พ.ศ.2563 พบว่าถ้าไม่ปฏิบัติตาม Social distance จะมีผู้ป่วยสะสมสูงถึง 25,225 ราย ถ้าปฏิบัติบัติตาม Social distance ได้ 50% ก็จะมีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 17,635 ราย แต่หากสามารถปฏิบัติตาม Social distance ได้ถึง 80% อย่างจริงจัง ยอดผู้ป่วยสะสมที่คาดการณ์ก็จะมีเพียง 7,745 ราย

ต่อให้จะล้มในรถไฟฟ้าก็ได้ แต่จะไม่จับที่โหนเด็ดขาด

เพราะช่วงนี้สิ่งของสาธารณะหลายคนหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสโดยตรงเพื่อความปลอดภัย

จ่ายเงินออนไลน์กันมากขึ้น สะดวกและไม่ต้องจับธนบัตร

ส่วนใหญ่หลายคนก็ได้เริ่มใช้วิธีจ่ายเงินผ่านแอปฯ กันมาสักพักนึงแล้ว แต่หลังจากเชื้อโควิดแพร่ระบาด ก็ทำให้หลายคนเลือกใช้แอปฯ จ่ายเงินมากขึ้น นอกจากนั้นการที่ผู้คนเลือกที่จะกักตัวอยู่ที่บ้านหรือ Work form Home แล้ว พอคนไม่ออกจากบ้าน ก็ทำให้การซื้อของจากออนไลน์ การสั่งอาหารผ่านผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และที่สำคัญสถาบันการศึกษาหลายแห่งก็ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนมาเป็นทางออนไลน์ สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น จากเดิมที่ต้องเช็คชื่อในคาบเรียน ตอนนี้ก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเรียนบนจอคอมฯ กันหมดแล้ว

ต่อไปนี้ เวลาขึ้นลิฟต์…ก็จะได้มองแต่ผนัง

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นภาพปกติใหม่คือ ‘การขึ้นลิฟต์โดยสาร’ หากไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เวลาที่เราขึ้นลิฟต์กัน เราก็แค่ยืนและมองไปข้างหน้าประตูลิฟต์ แต่ในตอนนี้เราต้องหันหน้าตามทิศลูกศรสีแดงที่ระบุไว้ ผู้โดยสารก็หันเข้าหาแต่ละด้านของลิฟต์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อหรือหายใจรดกัน เป็นภาพปกติใหม่ในตอนนี้ที่พวกเราก็ยังคงต้องปรับตัว

ตัวเอง…ช่วงนี้ห่างกันสักพักก่อนนะ

หลายคู่รักที่ตอนนี้หากจำเป็นที่จะต้องเดินทางมาพบปะเจอกัน ก็ต้องบอกกับคู่รักของคุณเลยว่า ช่วงนี้ห่างกันสักพักนะ จับมือถือแขนช่วงนี้พักก่อน เพราะเราไม่รู้ว่ามือของแฟนเรานั้นจับของอะไรมาบ้าง และยิ่งใกล้ชิดกันมากโอกาสในการแพร่เชื้อก็เพิ่มมากด้วย

ทำให้หลายคนทั้งเพื่อน แฟน ครอบครัว ต้องใช้วิธีในการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอลกันไปก่อน ให้พอช่วยคลายความคิดถึง

ภาพใหม่ ๆ ในสังคมของชีวิตภายใต้โควิด-19 นอกจากจะกระทบในเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังทำให้ ‘วิถีชีวิต’ ของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไปอีกด้วย ไม่ได้พบเจอหน้าผู้คนบ่อยนัก อยู่ใกล้กันมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะอาจจะเสี่ยงติดเชื้อ แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในการใช้ชีวิตไปบ้าง แต่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากไปกว่านี้ การอยู่ห่างกันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0