โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

Netflix เจออีกหนึ่งคู่แข่ง เมื่อแม่ค้าออนไลน์ยึดคติ "อยากขายง่ายต้อง Live เก่ง" หนุนเทรนด์อีคอมเมิร์ซเติบโต

Brandbuffet

เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2562 เวลา 10.05 น. • Digital

ถือเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการทำ Live streaming เพื่อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ นำโดย Lazada และ Shopee สองยักษ์ใหญ่ที่มีบริษัทสัญชาติจีนอย่าง Alibaba และ Tencent หนุนหลัง

โดยตัวอย่างการใช้งาน Live Streaming ของ Lazada ที่เห็นได้ชัดเจนคือการจัดคอนเสิร์ตเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 7 ปีของแอปพร้อมกันทั้ง 6 ประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงใช้ฟีเจอร์เดียวกันนี้กับอีเวนท์ Women's Festival ในเดือนเมษายนอีกต่อ

ไม่เพียงเท่านั้น Lazada ยังจัดแฟชั่นโชว์ที่ใช้ชื่อว่า "See-Now-Buy-Now" โดยเป็นการสตรีมมิ่งบนแอป Lazada เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้โดยตรง ทั้งจากแบรนด์ต่างประเทศ, ผู้ขายท้องถิ่น และนักออกแบบอิสระ ผลคือรายการดังกล่าวสามารถดึงดูดผู้ชมมากกว่า 300,000 วิว (แม้จะเปิดให้บริการเฉพาะในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยก็ตาม) และยังดึงความสนใจของคนมีชื่อเสียง, บรรณาธิการแฟชั่น, Influencers และบรรดาแฟนคลับของพวกเขาได้อีกด้วย

Mary Zhou ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Lazada มองว่า นี่คือการสร้างผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มให้เป็น Shoppertainment เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

เช่นเดียวกับ Shopee คู่แข่งคนสำคัญที่ได้เปิดตัวบริการอย่าง Shopee LIVE ขึ้นในสิงคโปร์ โดยมีฟีเจอร์ไม่ต่างจาก Lazada เช่น สามารถแชทถามกับผู้ขายได้ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้ หรือถามคำถามที่คาใจอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องออกไปแชทกันนอกแอปเหมือนในอดีต

Shopee เผยด้วยว่า ผู้ขายและแบรนด์ที่ใช้ฟีเจอร์ Shopee LIVE มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงถึง 75% เช่นกัน

เทรนด์นี้กำลังบอกอะไรเรา?

จากเทรนด์ที่ปรากฏ แสดงให้เห็นว่า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซค้นพบแล้วว่า ความบันเทิงเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสีสันให้กับแพลตฟอร์มได้อย่างเหนือชั้น แถมตัวแพลตฟอร์มแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แค่สร้างระบบและดึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เข้ามาช่วยกันไลฟ์ ก็สามารถสร้างยอดขายเพิ่มได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในขณะที่อีกด้าน เทรนด์ดังกล่าวยังเป็นตัวแย่งเวลาการใช้งานแอปพลิเคชันอื่น ๆ ออกไปด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบหนีไม่พ้นแบรนด์ใหญ่ด้านคอนเทนต์อย่าง Netflix ที่ต้องการตรึงผู้ชมไว้หน้าจอให้ได้นานที่สุด รวมถึงอีกหลาย ๆ แบรนด์ที่มีแผนจะทำตลาดในระดับโลก เช่น Disney+ และ Apple TV+ ด้วยนั่นเอง

ที่สำคัญ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังสามารถดึงเงินออกจากกระเป๋าผู้บริโภคได้ทันที หากการไลฟ์ของแม่ค้าพ่อค้านั้น ๆ โดนใจ ตรงกันข้ามกับบรรดาผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่กว่าจะเก็บตังค์จากลูกค้าได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 เดือนเลยทีเดียว

งานนี้อาจเป็นความเสียเปรียบครั้งใหญ่เลยก็เป็นได้

Source

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0