แนวโน้มตลาดหุ้นไทยผันผวน จากปัจจัยลบนอกประเทศ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน การเจรจาการค้าในเวที G20 กลุ่มในประเทศรับอานิสสงส์ WHA CPALL
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,724.11 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.47% มูลค่าการซื้อขาย 37,749.60 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ มีความเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,724.76 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,707.77 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าสวนกระแสตลาดหุ้นในเอเชียที่ส่วนใหญ่จะปิดในแดนลบ เนื่องจากความกังวลปัญหาความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ที่ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนอย่าล้ำเส้น โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,241.28 จุด ลดลง 44.71 จุด หรือ -0.21% ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,140.48 จุด ลดลง 372.52 จุด หรือ -1.31% ขณะที่ยังรอผลการเจรจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ในเวทีการประชุม G20 สุดสัปดาห์นี้
สำหรับตลาดหุ้นสามารถปิดในแดนบวก เนื่องจากมีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน ที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทั้ง PTT TOP ส่วนหุ้นที่ได้รับอานิสสงส์จากตลาดในประเทศ คือ WHA จากข่าวการเดินหน้าโครงการ EEC ของรัฐบาลชุดใหม่ ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งหุ้น CPALL ที่ได้รับอานิสสงส์จากการบริโภคภายในประเทศ
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าแกว่ง Sideway ถึง Sideway down เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูการเจรจาทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นอกรอบการประชุมกลุ่ม G20 ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ อีกทั้งรอดูสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ รวมถึงความชัดเจนการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอิงแดนลบ โดยมีตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวลงแรง
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีฯน่าจะแกว่งตัว โดยให้แนวต้านที่ 1,725 จุด และ แนวรับ 1,700 จุด
ด้าน SCB CIO Office มองแนวโน้มหุ้นสัปดาห์นี้ ว่า ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางของโลก ทั้งเฟด และ อีซีบี ได้ส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนสภาพคล่องในตลาด และส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอติดตามผลการเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน ในการประชุมนอกรอบ G-20 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าผลการเจรจาน่าจะมีความคืบหน้าในเชิงบวก และอาจเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อ หลังเสร็จสิ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G-20 โดยปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลให้ นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (Risk-On) และทำให้ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น
แต่หากการเจรจาฯ ล้มเหลว ซึ่งเราคาดว่า มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย จะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับลดลงอย่างมากเช่นกัน ด้านราคาทองคำ และน้ำมัน ยังมีแนวโน้มได้รับแรงสนับสนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านที่เพิ่มขึ้น และ จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
