โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Mercedes-Benz EQC สัมผัสเอสยูวีพลังไฟฟ้า

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 19 พ.ค. 2562 เวลา 03.15 น.

ขณะที่บางค่ายรถยนต์ยุโรปประกาศวิสัยทัศน์ชัดเจนว่า ในอนาคตอันใกล้จะมุ่งสู่รถพลังงานไฟฟ้า “อีวี” เต็มตัว และเลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน(ICE-Internal Combustion Engine) หรือไม่ทำรถเครื่องยนต์ดีเซลอีกต่อไป  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในหลายๆประเทศ

สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูรายใหญ่ของโลก วางแผนเดินหน้าด้วยแบรนด์เทคโนโลยี “อีคิว” (EQ) พร้อมก้าวสู่ยานยนต์อนาคตอย่างระมัดระวัง และยังไม่ทิ้งการทำตลาดรถแบบ ICE

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เยอรมนี ประกาศว่าภายในปี2565 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าแทรกอยู่ในทุกกลุ่มโปรดักต์ของตนเองอย่างน้อยหนึ่งโมเดล พร้อมตั้งเป้าหมายในอีก 11 ปีข้างหน้า ยอดขายรถครึ่งหนึ่งของพวกเขาจะเป็น“อีวี” และ“ปลั๊ก-อินไฮบริด” และอีกครึ่งหนึ่งยังเป็นสัดส่วนของรถ ICE

วันนี้ยุคใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เริ่มนับหนึ่งแล้วครับ ประเดิมด้วยเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า100%รุ่น “อีคิวซี” ที่พร้อมลุยตลาดในยุโรป ส่วนเมืองไทยเตรียมนำเข้ามาเปิดตัวภายในปลายปีนี้

ในกลุ่มรถหรูบ้านเรา มีการนำเข้าอีวีมาเปิดตัวแล้ว 2 รุ่น คือ “จากัวร์ ไอ-เพซ” ราคา 5.499-6.999 ล้านบาท และ “อาวดี้ อีตรอน” 5.099 ล้านบาท (ส่วนนิสสัน ลีฟ อีวีที่ขายดีที่สุดในโลก 1.99 ล้านบาท ยอดขายวันนี้ยังไม่ถึง 100 คัน)

สำหรับอีวีของจากัวร์ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเยอะครับ เพราะได้โควต้าในปีนี้แค่ 12 คัน แต่ใครสนใจก็มีรถพร้อมส่งมอบทันที ส่วนอีตรอน จองวันนี้ได้รับรถต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว และอีคิวซี ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ท่านประธาน “โรลันด์ โฟลเกอร์” บอกว่าถ้าเปิดตัวเมื่อไหร่ ก็ต้องมีรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้า

ตามสเปกโดยทั่วไป อีวีแบรนด์ยุโรป 3 รุ่นนี้ไม่ต่างกันมาก ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวขับเคลื่อนล้อหน้า-หลัง ให้กำลังเกิน 400 แรงม้า ชุดแพกแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของ “อีคิวซี”ขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง “ไอ-เพซ” 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วน “อีตรอน”จุเยอะหน่อย 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งรถวิ่งได้เกิน 400 กม.ด้วยกันหมด(ตามมาตรฐานNDEC ของยุโรป)

ตลาดใหญ่ของอีวี อยู่ที่อเมริกา จีน สหราชอาณาจักร เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน และนอร์เวย์ ประเทศที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เชิญนักข่าวจากทั่วโลกมาทดสอบอีคิวซีเป็นครั้งแรก

ผมยกให้นอร์เวย์เป็นเมืองหลวงของรถพลังงานไฟฟ้านี่ละครับ เพราะที่นี่รัฐบาลสนับสนุนให้คนใช้อีวีกันจริงจัง(ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ดั้งเดิมเป็นปัจจัยฉุด) ทั้งยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิต ต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ต้องเสียอัตรา 25% ขึ้นไป

ส่วนการใช้รถใช้ถนนก็สะดวก เช่น อีวีขึ้นทางด่วนโดยไม่เสียค่าผ่านทาง และวิ่งในบัสเลนได้(ผมลองมาเองแล้วในชั่วโมงเร่งด่วน วิ่งชิดขวาในช่องนี้แซงชาวบ้านที่ขับรถ ICE มาเพียบ) ตลอดจนที่จอดพร้อมจุดชาร์จไฟฟ้าก็ฟรี  ต่างๆเหล่านี้เพื่อจูงใจให้คนใช้รถที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม

ขณะที่รถICE นอกจากจะไม่ได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆแล้ว ต่อไปจะถูกจำกัดในการวิ่งเข้าเมือง หรือถ้าเข้ามาก็ต้องเสียค่าผ่านทางในอัตราที่สูง

โดยนอร์เวย์ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2568 การขายรถใหม่ในประเทศนี้ต้องเป็นอีวีทั้งหมด(ไม่รวมรถเพื่อการพาณิชย์)

สำหรับ“อีคิวซี”ที่ผมมาทดสอบในประเทศนอร์เวย์ เพิ่งคลอดออกมาจากสายการผลิตโรงงานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เมืองเบรเมน เยอรมนี ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

อีวีรุ่นนี้ใช้พื้นฐานการพัฒนาร่วมกับเอสยูวี “จีแอลซี” แต่แทบปรับปรุงให้เปลี่ยนเป็นรถคนละคัน ทั้งภายนอกที่ดูทันสมัย หลังคาด้านท้ายออกแบบให้ลาดเอียงกว่า(แต่ไม่ลาดเอียงเท่าตัวถังคูเป้) พร้อมแต้มแต่งตามจุดต่างๆด้วยทริมสีฟ้าให้โดดเด่น ซึ่งสีสันและออพชันการตกแต่งของอีคิวซี มีให้เลือกทั้งตัวเริ่มต้นเกรดSport และเวอร์ชันชุดแต่ง AMG รวมไปถึงตัว Limited Edition 1886

อีคิวซี ยังพัฒนาค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานให้ต่ำกว่าจีแอลซี ประสบความสำเร็จด้วย Cd 0.29 ในรุ่นเริ่มต้น แต่ถ้าเล่นรุ่นที่มาพร้อมชุดแต่ง AMG เต็มยศค่า Cd จะลดลงเหลือ 0.27

ด้วยทรงรถแบบเอสยูวี แต่อีคิวซีกดตัวถังให้เตี้ย จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง พร้อมชุดแพกแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนวางเรียงรายอยู่บนแพลตฟอร์ม รวม 384 เซลส์ใน8 โมดูล ซึ่งถือเป็นจุดเหมาะสมที่สุดในการวางแบตเตอรี่

การขับขี่จริงรู้สึกว่าตัวรถมีสมดุลดีครับ การทรงตัวหนึบแน่นกว่าจีแอลซีรุ่นปกติ แถมยังนุ่มนวลนิ่งเงียบในแบบที่สัมผัสได้ยากจากรถ(ICE)ทั่วๆไป โดยรุ่นที่ผมลองขับเป็นตัวแต่ง Limited Edition 1886 ใช้ล้ออัลลอยขนาด 20  นิ้ว ประกบยาง Pirelli Scorpiom Verde คู่หน้า 235/50 R20 และยางหลัง 255/45 R20 (เส้นหนึ่งเกือบ2หมื่นบาท) ในภาพรวมเก็บเสียงยางบดพื้นถนน รวมถึงเสียงการจราจรภายนอกได้เงียบกริบ

ส่วนเสียงเครื่องยนต์ไม่มีอยู่แล้ว แต่เสียงการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ดังหวีดหวิวจนน่ากลัว ทั้งนี้ การขับในภาพการจราจรปกติ อีคิวซีจะใช้มอเตอร์หน้าทำงานเป็นหลัก ส่วนมอเตอร์หลังจะเข้ามาช่วยเสริมแรงและเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว

ด้วยแรงบิดระดับ 760 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม.ทำได้ 5.1 วินาที ซึ่งคนขับยังเลือกโหมดการขับขี่ได้ตั้งแต่ สปอร์ต คอมฟอร์ด  อีโค อินดิวิดวล และโหมดใหม่สำหรับอีวีคือ แมกซิมัม เรจน์ ที่จะไม่ยอมให้คุณเร่งได้รวดเร็วตามใจ เพราะเหยียบคันเร่งในน้ำหนักปกติ หรือกดลึกลงอีกหน่อย ระบบขับเคลื่อนแทบไม่ตอบสนอง จนเรียกว่า“อืด”ไปเลย ก็เพื่อรักษาประจุไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ให้มากที่สุด

รวบรัดตัดความ…เรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพของ “อีคิวซี” ไม่มีข้อสงสัยครับ ผมชื่นชมในสมรรถนะ อัตราเร่ง ความนิ่ง ทรงตัวดี และภายในห้องโดยสารเงียบสุดๆ เพียงแต่การเป็น “อีวี” ในยุคบุกเบิกยังมีความท้าทายในทุกมิติ ทั้ง รัฐบาล ผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้ซื้อ ขณะที่บีโอไอและกระทรวงสรรพสามิต เคยบอกว่าใครมีแผนขึ้นไลน์ผลิตอีวีในไทย และทำตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถนำเข้ารถรุ่นนั้นๆมาทำตลาดในราชอาณาจักรได้“จำนวนหนึ่ง” โดยไม่เสียภาษีนำเข้า(จากปกติรถยุโรปโดน 80%) และภาษีสรรพสามิต0% (ถ้าผลิตในเมืองไทยจะเสีย 2% นำเข้าเสีย 8%) ในช่วงเวลา 3 ปีตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ดังนั้นหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังอย่างใดอย่างหนึ่ง เราอาจเห็น “อีคิวซี” ขายราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ก็เป็นไปได้ครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0