โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

MTS มองแนวโน้มราคาทองปีนี้ปรับขึ้นอีก 5-10% กลางปีมีสิทธิแตะ 27,000 บาท

อินโฟเควสท์

เผยแพร่ 27 ก.พ. 2563 เวลา 06.05 น. • สำนักข่าวอินโฟเควสท์
MTS มองแนวโน้มราคาทองปีนี้ปรับขึ้นอีก 5-10% กลางปีมีสิทธิแตะ 27,000 บาท

พร้อมเปิดตัวออมทองด้วย block chain

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ว่า ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการทำนิวไฮในรอบ 7 ปีแล้วก็ตาม โดยมีกรอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,700-1,750 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถือเป็นระดับเป้าหมายสำคัญต่อไปของทองคำ จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ประกอบกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ และมีแนวโน้มแพร่ระบาดในระดับรุนแรงขึ้น

ขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและความผันผวนน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่น และจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปี 63 ราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นมาแล้วกว่า 10% ขณะที่ราคาทองคำในประเทศก็ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 19.37% ทำให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสยืนเหนือ 25,000-27,000 บาท/บาททองคำได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าในเวลานี้

"คาดราคาทองยังเพิ่มได้อีก 5-10% จากที่ปรับขึ้นมากว่า 10% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ระยะยาวมีปัจจัยลบรออยู่ภาพรวมเศรษฐกิจที่รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังไม่เห็น และ Tradewar ปีนี้มีความไม่แน่นอนสูง…มองว่าปีนี้ราคาทองคำในประเทศน่าจะไปที่ 27,000 บาท กลางปีนี้น่าจะเห็น"

นายณัฐพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายณัฐพงศ์ คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น่าจะจบในเดือน ก.ค. หรือในไตรมาส 2/63 อย่างไรก็ดี มองว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวจุดชนวนการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่ และอาจเกิดในยุโรปที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ขณะที่หากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ราคาทองคำก็อาจจะปรับลงราว 5-8% ได้ จึงแนะให้รอย่อตัวจึงเข้าซื้อ

วันนี้ บริษัทได้เปิดตัว "MTS Gold Blockchain" ระบบสะสมเงินซื้อทองคำแท่งที่บริสุทธิ์ 96.5% ในรูปแบบออนไลน์ เป็นรายแรกที่นำระบบ Blockchain มาใช้ในการออมทอง และ การจัดเก็บข้อมูลโดยไม่ผ่านบุคคลที่สามเพื่อป้องกันความเสียหายด้านข้อมูล ซึ่งเป็นธุรกรรมที่มีความปลอดภัยสูงเทียบเท่ามาตรฐานธนาคารชั้นนำของไทย

นักลงทุนสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 150 บาท หรือเริ่มต้นได้ด้วยน้ำหนัก 0.1 กรัม ได้ตลอดทั้งวันไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยใช้ราคาเรียลไทม์ และสามารถโอนมอบทองคำในระบบให้กับสมาชิกท่านอื่นๆที่อยู่ระบบเดียวกันได้ เมื่อสะสมครบตามจำนวนที่ต้องการสามารถแลกรับเป็นทองคำในรูปแบบทองคำแท่งจริงได้ตั้งแต่ขั้นต่ำ 1 กรัม คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนไทยหันมาออมทองคำกันมากขึ้น โดยภายในปีนี้ตั้งเป้าจะมียอดเปิดบัญชีออมทองกว่า 10,000 บัญชี และ Active 30%

"ปัจจุบันราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น ทำให้ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อทองทำได้ยากขึ้น "MTS Gold Blockchain" จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือรายย่อย ให้สามารถเข้าถึงการลงทุนด้วยการออมทองได้ง่ายขึ้น ด้วยวงเงินเริ่มต้นเพียง 150 บาท เท่านั้น ซึ่งการนำนวัตกรรม Blockchain มาประยุกต์กับการออมทองคำในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของอุตสาหกรรมทองไทยที่ลงทุนได้อย่างปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นสากลมากขึ้น"

นายณัฐพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายไปยังตลาดโลหะลอนดอน (London Metal Exchange) ซึ่งมีความโดดเด่นในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะ เพื่อเพิ่มตลาดการลงทุนให้มีความหลากหลาย อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับ CME Group ตลาดอนุพันธ์ชั้นนำรายใหญ่ในการจัดงาน MTS Global Expo 2020 อันเป็นโครงการสำคัญที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเสริมทักษะกลุ่มนักลงทุนไทยด้วยวิทยากรชั้นนำจากต่างประเทศ

ปัจจุบัน MTS Gold มีการซื้อขายสินค้าต่างๆกับตลาดขนาดใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง, สิงคโปร์, เซี่ยงไฮ้ โดยมีสัญญาซื้อขายสินค้าประเภท ทองคำ น้ำมัน น้ำตาล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.พ. 63)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0