โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ก้อย ยังไม่พร้อมแต่งตูน เมินดราม่าก้าวคนละก้าว 

INN News

เผยแพร่ 16 ม.ค. 2561 เวลา 13.00 น. • INNNEWS
ก้อย ยังไม่พร้อมแต่งตูน เมินดราม่าก้าวคนละก้าว 
ก้อย ยังไม่พร้อมแต่งตูน เมินดราม่าก้าวคนละก้าว 

หลายคนลุ้นว่าจะมีเซอร์ไพรส์ส่งท้ายปีหรือไม่ สำหรับสาวก้อย - รัชวิน หลังจบโครงการก้าวคนละก้าว ล่าสุดได้มีโอกาสเจอสาวก้อย ที่มาร่วมงาน PPTV WORLD CLASS TV เพื่อแนะนำรายการใหม่ของสถานี ประจำปี 2561 ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เลยถือโอกาสพูดคุย รวมถึงอัปเดทในเรื่องสุขภาพด้วย
หลังจากร่วมวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าว ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
"ตอนนี้เป็นช่วงปรับตัวค่ะ เพราะว่าเราไปอยู่ตรงนั้นเกือบ 2 เดือน บางทีมันก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป คือก้อยรู้สึกเหมือนว่าก้อยดึงพลังงานจากอนาคตมาใช้ค่อนข้างเยอะ ส่วนทางพี่ตูนเองก็เช่นกัน เขาก็ค่อยๆ ปรับตัวอยู่ ดังนั้นช่วงนี้มันก็จะเหมือนกับว่าเราได้กลับมาพักกลับมาฟื้นฟูร่างกายตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ติดมาจากวิ่งในโครงการนี้ก็คือ เราติดการตื่นเช้าเพื่อมาวิ่งจนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว"
การที่เราวิ่งทุกวันและระยะทางไกลขนาดนั้น ส่งผลกับสุขภาพบ้างไหม ?
"ตอนวิ่งไม่ได้เจ็บอะไรมากนะคะ แต่พอกลับมาถึงได้รู้ว่าเรามีปัญหาที่เข่ากับสะโพก ตอนนี้คุณหมอก็เลยแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด และฝังเข็มเพื่อที่จะได้กลับมาวิ่งอีกครั้ง อีกอย่างคือต้องคอยสังเกตตัวเองหากว่าวิ่งแล้วเจ็บก็ต้องหยุด แต่ยังวิ่งได้นะคะ เพราะว่าการวิ่งมันคือการยืดกล้ามเนื้อแค่เราต้องระมัดระวังแค่นั้นเอง รวมถึงต้องทำให้มันสมดุลระหว่างการวิ่งและการเข้าฟิตเนส
"ส่วนอาการบาดเจ็บของพี่ตูน เอ่อ…ขาไม่มีอะไรน่าห่วงนะคะ แต่พี่ตูนเขาจะเจ็บช่วงไหล่และก็ช่วงสะบักมากกว่า ซึ่งตอนนี้พี่เขาก็กำลังรักษาอยู่ แต่ถามว่ามันมีผลต่อการวิ่งไหม จริงๆ ก็ไม่มีนะคะ เพราะพี่เขาก็ยังวิ่งได้"
ตอนที่เราคุยกับคุณหมอ จริงๆ เขาอยากให้เราพักไหม ?

"คุณหมอแนะนำให้พักค่ะ แต่ก้อยไม่อยากพัก เพราะก้อยมีเวลาซ้อมแค่ 6 อาทิตย์เอง ก่อนที่จะลงวิ่งมาราธอนทริปล่าสุด คือเราดื้อนิดหนึ่ง แต่ถ้าก้อยวิ่งแล้วรู้สึกว่าจะปวดก้อยก็หยุดทันทีนะ เพราะร่างกายเราไม่เหมือนเดิมแล้ว และจากนั้นก็กลับมาดูแลสุขภาพตัวเอง ซึ่งก้อยก็พยายามฟื้นฟูตัวเองตลอด แค่วิธีการของมันไม่ใช่การหยุดไปเลย แต่เราเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายมากกว่า (ยิ้ม) เพราะถ้าหากเราหยุดไปเลยและกลับมาซ้อม ก้อยคิดว่าอาจจะไม่คงดี"

ทริปมาราธอนที่เรากำลังจะลงครั้งนี้พี่ตูนเขาไปด้วยไหม ?
"ไม่ได้ไปค่ะ ก้อยต้องเล่าก่อนว่าช่วงที่วิ่งกับโครงการก้าวคนละก้าว มีคนมาชวนก้อยไปร่วมวิ่งในงานที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น คือเป็นงานระดับสากล และเป็นการลงวิ่งมาธอนครั้งแรกของก้อยด้วย ก้อยก็เลยสนใจ แต่ทริปล่าสุดที่เห็นว่าพี่ตูนไปวิ่งด้วยกัน อันนั้นเป็นทริปสวนผึ้งค่ะ เป็นทริปที่ก้อยอยากจะซ้อมก่อนไปเกียวโต ซึ่งพี่ตูนเขาว่างวันนั้น เขาก็เลยอาสาไปเป็นเพื่อน"
ตอนที่เราวิ่งกับโครงการก้าวคนละก้าว คนก็สงสัยว่าทำได้ยังไง วิ่งไปสวยไป ?
"มันหลายๆ อย่างรวมกันนะ ก้อยมองว่าถ้าหากเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ มันก็จะออกมาจากข้างในเอง แต่เอาจริงๆ ก็ไม่เป๊ะนะ โทรมกาย (หัวเราะ) อีกอย่างเราเองก็วิ่งจนรู้มุมกล้องแล้วด้วย ถ้าเห็นกล้องเราก็จะโพสต์หน่อย ไม่ได้เป๊ะตลอดเวลาหรอกค่ะ"
ช่วงที่เราไปร่วมวิ่งเราต้องปฏิเสธงานไปเยอะเลยไหม ?
"ก็พอสมควรค่ะ แต่ก้อยไม่รู้สึกว่าเสียดายเลยนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกและตั้งใจว่าจะทำอยู่แล้ว คือเราเองก็ได้รับมาเยอะนะ ดังนั้นถ้าหากวันหนึ่งเราตัดสินใจจะเป็นผู้ให้บ้าง เราก็จะไม่มานั่งเสียใจในสิ่งที่เข้ามาในตอนนั้น แค่เราเป็นห่วงคนที่เราปฏิเสธไปมากกว่า แต่ก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรและทำเพื่อใครอยู่"
ชีวิตของเราหลังจากได้วิ่งครั้งนั้นมันเปลี่ยนไปมากไหม ?
"เปลี่ยนไปเยอะมากค่ะ มันเปลี่ยนทั้งภายในและภายนอก ซึ่งความรู้สึกภายนอก ก้อยรู้สึกว่าก้อยได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการทำภารกิจของพี่ตูน และมันทำให้เรารู้สึกนะว่าเราอยากทำต่อไปเรื่อยๆ โดยที่เราเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าสิ่งที่เราทำมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ก้อยก็อยากให้คนอื่นได้ออกกำลังกายดูแลสุขภาพเช่นกัน ส่วนความรู้สึกภายใน ก้อยรู้สึกว่าเรามีความสุขกับการให้มากขึ้น และก็อยากจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ (ยิ้ม)"
ถามถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นระหว่างวิ่งบ้าง เราพอจะทราบกระแสบ้างไหม ?
"ระหว่างที่เราวิ่งก้อยสารภาพตรงๆ นะ เราไม่ค่อยได้อ่านข่าวหรือเช็คโซเชียลสักเท่าไหร่ ก้อยไม่ทราบเลยว่าข้างนอกเขาพูดถึงเรายังไงบ้าง เพราะเราก็โฟกัสอยู่กับการวิ่งอย่างเดียว ฉะนั้นเรามองสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องทำดีกว่า แต่ในส่วนของพี่ตูน อันนี้ก้อยไม่แน่ใจนะคะว่าเขาทราบเรื่องราวต่างๆ ไหม แต่ก้อยรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ประโยชน์มันเกิดขึ้นกับคนไทยทุกคน ดังนั้นเราวางดราม่าไว้ก่อนดีกว่า เราไม่เอาใจไปปักตรงนั้น เพราะมันยังมีสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นและสำคัญกว่านั้นที่เราจะต้องทำค่ะ"

เครียดไหมที่เราเองก็ทำดี แต่ก็ยังมีข่าวมีดราม่าออกมาแบบนี้ ?
"ก้อยไม่ได้มองตรงนั้นเลยค่ะ เพราะก้อยรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราทำมันมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจอยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้ายแล้วถ้าเรามัวแต่ไปกังวลกับสิ่งนั้น และทำให้สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ มันพลาดไป มันก็คงสูญเปล่า เราอยากเห็นคนมีความสุขและเราทำทุกอย่างด้วยความสุขดีกว่าค่ะ"
วิ่งกับมาไกลขนาดนี้ แน่นอนคนก็ต้องจับตามองเรื่องการแต่งงาน ?
"ยังไม่มีค่ะ (ยิ้ม)"
แต่ตอนที่ พี่ดู๋ สัญญา ถามพี่ตูนบนเวที เหมือนเขาบอกว่าขอออกอัลบั้มก่อน ?
"ตอนนั้นก้อยหูอื้อไปแล้วค่ะ (หัวเราะ) แต่เขาว่ายังไงก็ว่าอย่างนั้นเลย ก้อยไม่ได้เร่งรัดอะไร เพราะทุกวันนี้เราก็ยังมีความสุข และก็สนุกกับการที่ได้เดินทางไปแบบนี้เรื่อยๆ"
วินาทีที่พี่ดู๋ถามคำถามนี้ เราแอบกังวลไหมว่าจะมีซีนนั้นเกิดขึ้น ?
"เอ่อ…มันคงยังไม่ถึงเวลา และมันก็คงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่ก็ต้องขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยลุ้นช่วยเชียร์ แค่ก้อยต้องบอกตรงๆ ว่ามันยังไม่ใช่ ณ ตรงนั้น"
แสดงว่าเราค่อนข้างมั่นใจว่าวันนั้นไม่มีเซอร์ไพรส์แน่นอน ?
"ก้อยคิดว่าก้อยรู้จักเขาดีค่ะ (ยิ้ม) เพราะในใจก็ อย่านะ อย่านะ เพราะเขาเพิ่งวิ่งเสร็จเราก็กลัวว่าเขาจะเบลอๆ และพูดอะไรออกไป แต่ก็ดีแล้วค่ะที่ทุกอย่างจบลงแบบนี้"
จริงๆ ช่วงที่วิ่งได้คุยกับพี่เขาถึงเรื่องนี้บ้างไหม ?
"พี่เขาเป็นคนโฟกัสอะไรอย่างๆ ดังนั้นช่วงที่วิ่งเราก็จะคุยกันแต่เรื่องวิ่ง และที่สำคัญคือในเมื่อเราตัดสินใจมาทำเพื่อคนอื่น มันก็จะไม่มีเรื่องของเราสองคนค่ะ เราช่วยกันทำภารกิจให้สำเร็จมากกว่า 
ปกติพี่ตูนเขาบอกรักเราบ่อยไหม ?
"ก็ปกติค่ะ (เขิน)"
ที่คบกันมานิสัยพี่เขาเป็นคนโรแมนติกหรือเปล่า ?
"สำหรับก้อย ก็…เป็นคนที่น่ารัก มีมุมที่เรารู้กันเองแค่สองคน ซึ่งคนภายนอกอาจจะไม่ค่อยได้สัมผัสหรือเห็นเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่น่ารักคนหนึ่งค่ะ"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0