ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 15.30 น. บริเวณเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ราวพันคน ได้รวมตัวกันเข้าร่วมงาน ‘มอกะเสดไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ’ แสดงพลังเรียกร้องความยุติธรรม หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่
“ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีของประชาชน” ประโยคที่เต็มไปด้วยความหมายนี้กล่าวโดยผู้นำกิจกรรมคนหนึ่ง ก่อนที่บรรดาผู้เข้าร่วมจะกล่าวตามด้วยเสียงกึกก้อง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังกล่างว่าหากมีการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบอีกก็พร้อมที่จะเข้าร่วม
นักศึกษาชาย วัย 22 ปี กล่าวถึงความรู้สึกในการมาร่วมงานครั้งนี้ว่า “รู้สึกว่าดีครับ เพราะมีพื้นที่ให้เราได้แสดงออกถึงสิทธิประชาธิปไตยของเรา เพราะว่าบางอย่างที่เขาทำ เขาไม่คำนึงถึงความถูกต้อง แต่เราก็ต้องแสดงออกโดยไม่กระทบ สิทธิของผู้อื่น แสดงออกในเชิงที่ดี โดยสันติ”
วรัญชัย วัย 70 ได้กล่าวว่า “ตอนนี้ผมก็อายุเกือบ 70 แล้วเพราะฉะนั้นผมจะมาให้รู้ว่าคนรุ่นเก่าขนาดนี้ยังสู้ นักศึกษาหนุ่มสาวคือจะต้องสู้เหมือนกับนักศึกษารุ่น 14 ตุลาคม 2516 ที่เคยไล่ถนอม-ประภาสมาแล้ว แล้วก็พฤษภาทมิฬก็เคยไล่สุจินดามาแล้ว ผ่านมาจนถึงปี 2563 ก็หนีไม่พ้นประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่มีสิทธิ เสรีภาพ บ้านเมืองยังลำบากอีก คนว่างงาน คนตกงาน นักศึกษาจบมาไม่มีงานทำ เรื่องนี้เดือดร้อนมาก”
เขากล่าวต่อว่า “ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ มีความล้าหลังในบ้านเรา ข้าวของราคาแพงทุกอย่าง มันเดือดร้อนไปหมดเลย และเขาไม่เคยเห็นความเดือดร้อนของประชาชน อีกประการหนึ่งคือ เขามาอยู่ในอำนาจโดยไม่ชอบ นี่แหละครับอยู่มา 6 ปีแล้วและไม่รู้ว่าจะอยู่ต่ออีกกี่ปี เพราะฉะนั้นผมดีใจที่ม.เกษตรจัดงาน และทราบว่าพรุ่งนี้มีที่มหิดล ศิลปากร มีโอกาสผมจะไปทุกที่เลย”
เขาให้ความเห็นเพิ่มเติมอย่างกระตือรือร้นว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้เท่าไรนัก อยากให้รีบออกไปได้แล้ว
ขณะเดียวกันกันเราถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลุงกล่าวว่าไม่เพียงได้ดูเท่านั้น แต่ไปถึงสภามาพักหนึ่ง เห็นนักข่าวหลายร้อยคน แต่ไปได้สักพักก็กลับออกมา เพราะไม่มีที่สำหรับจอดรถ ภายหลังจึงเดินทางกับเพื่อนเพื่อมาร่วมที่ ม.เกษตรฯ ทั้งยังกล่าวว่า “ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว ทั้งกกต.ก็ยังกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่อยู่เรื่อย ดูไม่เป็นธรรม กกต.ก็เป็นพวกนายประยุทธิ์จึงไม่น่าแปลกใจ ตั้งกันเองทั้งนั้น 7 ตัว”
“สมัยนายวศันต์เป็นประธานศาลฎีกา กับศาลรัฐธรรมนูญ นั่นก็ไม่ยุติธรรม ลุงถึงกับไปจุดธูปไหว้พระบอกพระเลยนะ เพราะมันไม่ยุติธรรม อนาคตใหม่โดนยกฟ้องลุงก็ไปจุดธูปบอกพระที่หน้าศาลเลย” ลุงกล่าวต่อ
นักศึกษาหญิง วัย 20 ปี ตอบเราเมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่คนนอกมองว่าเราเป็น ‘ขนมหวานราดกะทิ’ นักศึกษาหญิงหัวเราะร่วน ก่อนจะตอบว่า “แน่นอน มันก็เห็นชัดอยู่แล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ จากที่ตอนแรกเสื้อมอเป็นสีเขียว วันหนึ่งเสื้อดันกลายเป็นสีเหลืองไปเสียอย่างนั้น สงสัยดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยจะบาน เลยกลายเป็นสีเหลือง”
โน๊ต ศิษย์เก่า ม.เกษตร และเป็นผู้นำกิจกรรมในครั้ง กล่าวว่า “เดิมทีผมเป็นนักกิจกรรมที่อยู่ในมหาลัย อย่างกลุ่มเสรีเกษตร ที่เคยจัดช่วงรัฐประหารช่วงแรก หลังจากเรียนจบไปแล้ว ทราบว่าน้องๆจะจัดกิจกรรมในเพจ ม.เกษตรเลยเข้ามาช่วย เข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งผลตอบรับเกินคาดกว่าที่คุยกับน้องๆไว้ อย่างเครื่องเสียงเราเตรียมมาแค่โทรโข่ง และถ่านสำรองมาเผื่อถ่านหมดเท่านั้น”
เขากล่าวส่งท้ายว่า “อยากให้มีความหวัง ให้ฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าต่อไปครับ อย่าเพิ่งหมดหวัง ช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำให้อนาคตสดใสกว่าวันนี้ หยุดยุคที่อัปยศไว้ที่พวกเรา”
นอกจากการปราศรัย และแสดงความคิดเห็นของผู้นำกิจกรรมแล้ว ภายนงานยังมีการชูป้ายข้อความและเขียนระบายความรู้สึกลงในแผ่นผ้าขาวที่เตรียมการไว้ นอกจากนี้ ยังการแจกเอกสารวิธีเตรียมตัวก่อนเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยการชุมนุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557
ก่อนที่งานจะจบ ผู้นำกิจกรรรมได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตะโกนพร้อมกันว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” และชู 3 นิ้ว เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เสียงผู้เข้าร่วมกิจกรรมดัง กึกก้อง พร้อมกันนี้ผู้นำกิจกรรมยังเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งสสร. และเรียกร้องให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสีย และสุดท้าย ผู้นำกิจกรรมเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วม ร่วมกันเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ และร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ทั้งนี้ ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เกิดการชุมนุมของกลุ่มนิสิต นักศึกษา และประชาชนหลายครั้ง
- นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมตัวกันจุดเทียน เพื่อแสดงออกถึงการให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่ และส่องแสงสว่างให้กับอนาคตประเทศไทย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 กุมภาพันธ์
- งาน ‘ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม’ จัดโดยสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่ลานปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์
- นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดกิจกรรมจิบชา ฟังดนตรีสด และร้องเพลงไว้อาลัยต่อกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์
- นักศึกษามหาวิทยาลัยเนรศวร รวมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ใส่เสื้อสีดำไว้อาลัย และเขียนป้ายผ้าแสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ ที่ ลานสมเด็จ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์
- นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์
- นิสิตมหาลัยบูรพา สโมสรคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์พร้อมกับกลุ่มโกงกาง ร่วมจุดเทียนและอ่านคำแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์
- งาน “จุฬารวมพล” ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้แนวคิด “เพราะเกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน” โดยผู้จัดงานได้ชวนเชิญให้ร่วมกันติด #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป โดยตั้งใจสื่อว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเสาหลักของประเทศ ต้องยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 24 กุมภาพันธ์
- งาน ‘มอกะเสดไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ’ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน วันที่ 24 กุมภาพันธ์
- กลุ่มนักศึกษาสิงห์ภูพานรัฐศาสตร์ราษฎร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จัดกิจกรรม “รัฐศาสตร์ราษฎรไม่นอกนา สิงห์ภูพานสบตาบรรพชน” จุดเทียนไว้อาลัยความไม่เป็นธรรม หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ยังมีการนัดกันเพื่อทำกิจกรรมอีกดังต่อไปนี้
- ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล นัดชุมนุมผ่านกิจกรรม #MUneedsDemocracy บริเวณอาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ในเวลา 18.15 น.
- ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร นัดชุมนุมเช่นกันในกิจกรรม #ศิลปากรขอมีซีน ในเวลา 18.00 บริเวณลานสระแก้ว ม.ศิลปากร วิทยาเขตวังสนามจันทร์ นครปฐม
- ในวันที่ 26 กุมพาพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ก็ได้นัดหมายจัดกิจกรรม ‘ว่างพอดี มศว.ขอมีจุดยืน’ ร่วมแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์
- ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง นัดจัดกิจกรรม #ลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตหัวหมาก
นอกจากนี้ ยังมีการออกแถลงการณ์ถึงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่จากหลายองค์กร ทั้ง 36 คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์กรสหประชาชาติ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล รวมถึงสถานฑูตสหรัฐฯ
ภาพ: ฐิตินันท์ เสมพิพัฒน์
