เมื่อสัปดาห์ก่อน 13 ก.ค. 2561 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ก็แตกพาร์ (Par-การเพิ่มจำนวนหุ้น แต่มีราคาที่ลดลง ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องให้สูงขึ้น) ส่งผลราคาหุ้นวันนั้นเปิดตลาดที่ 35.75 บาท/หุ้น จากวันที่ 12 ก.ค. ปิดตลาดที่ 354 บาท/หุ้น
ทิศทางของหุ้นระหว่างวันที่ 13 ก.ค. ก็หดตัวแค่เล็กน้อย โดยปิดตลาดที่ 33.00 บาท/หุ้น ลดลง 6.78% แต่วันที่ 16 ก.ค. เกิดอะไรขึ้นทำไมหุ้น KTC เปิดตลาดมาก็ร่วงลงถึง 15%
สงสัยเรื่องการแตก Par อ่านเพิ่มได้ที่นี่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หุ้น KTC ร่วงแรงปิดตลาด ณ 16 ก.ค. ที่ 23.10 บาท/หุ้น ติดลบถึง 30%
ช่วงเช้า (16 ก.ค.) เมื่อตลาดฯเปิดไม่นาน หุ้น KTC ก็ร่วงลงถึง 15.91% มาอยู่ที่ 27.75 บาท/หุ้น ในขณะที่ช่วงเย็น ผลประกอบการของ KTC ออกมา พบว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2561 อยู่ที่ 1,519 ล้านบาทเติบโต 66% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง 36.3% จากปีก่อน และยอดหนี้รวมยังขยายตัวที่ 7% จากปีก่อน
ที่สำคัญทางบริษัทฯ ยังสามารถควบคุมคุณภาพหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 1.27% จากสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.57% แต่ไม่ว่าภาพรวมจะออกมาดีอย่างไร ในช่วงเย็น (16 ก.ค.) KTC ปิดตลาดที่ราคา 23.10 บาท/หุ้น ติดลบ 30%
โบรกฯ แนะนำขายหุ้น KTC ทำกำไร
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดการณ์ก่อนผลประกอบการ KTC จะออกในช่วงเย็น ว่า KTC จะมีกำไรสุทธิที่ 1,080 ล้านบาท ลบ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งกำไรสุทธิที่หดตัวลงจากไตรมาสก่อน เพราะมองว่าการเก็บหนี้สูญชะลอลง เนื่องจากเดือนก่อนหน้าเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวหลายวัน และเป็นช่วงเปิดเทอมทำให้กระทบต่อกำลังในการชำระหนี้
แต่กำไรสุทธิครี่งปีแรก 2561 ของ KTC ยังเติบโต 37% จากปีก่อน เพราะ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโดยเฉพาะหนี้สูญรับคืนและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น เราคาดสินเชื่อบัตรเครดิตจะทรงตัว มองว่าราคาเหมาะสมที่32.40 บาท(ก่อนแตกพาร์ที่324 บาท) และยังแนะนำให้ขายเพื่อทำกำไร
สรุป
หุ้น KTC ราคาตกต่อเนื่องตั้งแต่แตกพาร์ เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ค.) แม้ว่างบการเงินจะออกมาดี ทั้งกำไรสุทธิที่เติบโต สินเชื่อบัตรเครดิตที่ขยายตัว หรือการคุมหนี้เสีย และค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ดังนั้นคงต้องจับตามองว่าใครที่จะเทขายหุ้น หรือถือโอกาสเข้าเก็บหุ้นนี้ดี
