โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

KTC บุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มั่นใจโอกาสเติบโตสูง-กำไรดี

Wealthy Thai

อัพเดต 13 ก.ค. 2563 เวลา 04.13 น. • เผยแพร่ 13 ก.ค. 2563 เวลา 04.13 น. • wealthythai
KTC บุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ  มั่นใจโอกาสเติบโตสูง-กำไรดี
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีฐานลูกค้ารวมอยู่มากกว่า 2 ล้านราย ต้องเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหม่ ขณะเดียวกันยังได้รับผลกระทบจากการปรับลดเพดานสินเชื่อที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 โดยบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยใหม่อยู่ที่ 16% สินเชื่อบุคคล/บัตรกดเงินลดลงมาที่ 25% และสินเชื่อจำนำทะเบียน 24%

 

เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีฐานลูกค้ารวมอยู่มากกว่า 2 ล้านราย ต้องเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหม่ ขณะเดียวกันยังได้รับผลกระทบจากการปรับลดเพดานสินเชื่อที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 โดยบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยใหม่อยู่ที่ 16% สินเชื่อบุคคล/บัตรกดเงินลดลงมาที่ 25% และสินเชื่อจำนำทะเบียน 24%

 

โครงสร้างธุรกิจของ KTC สัดส่วนหลักกว่า 99.7% มาจากบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยสัดส่วนอยู่ที่ 66.0% และ 33.7% ตามลำดับ ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมีความเสี่ยงและมีโอกาสที่ลูกหนี้จะผิดชำระหนี้มากขึ้น  KTC ต้องมองหาโอกาสใหม่ ธุรกิจใหม่ที่ยังไม่เคยทำและมีความเสี่ยงที่ลดลงมา ได้เริ่มวางแผนและมีแยกหน่วยธุรกิจออกมาเพื่อทดลองโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ จนมั่นใจแล้วจึงขยายธุรกิจและเริ่มปล่อยสินเชื่อแล้ว นั่นก็คือ  KTC พี่เบิ้ม”

 

สำหรับ KTC พี่เบิ้ม” เป็นหมวกใหญ่อีกใบหนึ่งของ KTC สามารถปล่อย สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ วงเงินสูงสุด 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยต่อปีสูงสุด 36%  รวมทั้ง สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน หรือสินเชื่อจำนำทะเบียน  ซึ่งต่างจากที่ KTC ทำอยู่เดิมซึ่งเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน มาเป็นสินเชื่อที่มีรถเป็นหลักประกัน ทั้งรถยนต์ และจักรยานยนต์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 25% โดยอัตราดอกเบี้ยของทั้ง 3 ธุรกิจนี้ยังสูงกว่าธุรกิจบัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยลดลงไปที่ 16%  

 

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC  ระบุว่า ผลกระทบจากการลดอัตราเพดานอัตราดอกเบี้ยลงคาดจะกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยให้ลดลงราว 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ที่ปัจจุบันทยอยปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแล้วราว 100 ราย มีทั้งลูกค้ารถยนต์และจักรยายนยนต์ ยอดสินเชื่อคงค้างราว 20 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถขยายได้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถได้ 10-100 เท่าในอนาคต โดยความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีอยู่ และการขยายระบบหลังบ้านรองรับ ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ การขยายสินเชื่อยังจำกัดเฉพาะในจังหวัดที่มีใบอนุญาต

 

ระเฑียร ศรีมงคล

“ดีมานด์สินเชื่อเพิ่มขึ้นทุกประเภทแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถอนุมัติได้หรือไม่ได้ ซึ่งในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก และหากเทียบกับดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ 16% ดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยังถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่า ความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะมีรถเป็นหลักประกันด้วย ทำให้มีโอกาสที่จะทำมาร์จิ้นได้ดี ซึ่งเราสามารถปล่อยสินเชื่อรถได้ทุกประเภทเพราะมีไลเซ่นอยู่แล้ว เราสามารถดีไซน์สินเชื่อให้ลูกค้าได้” นายระเฑียร กล่าว

 

 "บัวหลวง" แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 38 บ.

 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" แก่ KTC เนื่องจากมูลค่าที่ต่ำและแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 38.00 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 7 มิ.ย. 2563  อยู่ที่ 30.25 บาท โดย ราคาสูงสุดและต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ อยู่ที่ 48.25 บาท และ 23.30 บาทตามลำดับ)

 

เราปรับลดประมาณการกำไรของ KTC ลง 4% ในปี 2563 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เนื่องจากการปรับลดเพดานดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เราสะท้อนข่าวดังกล่าวในประมาณการของเราเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำไรในปี 2564 มาอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เติบโต 9% ทั้งนี้สินเชื่อบัตรเครดิตที่ได้รับผลจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2563 โดนกระทบจากมาตรการของ ธปท. ประมาณ 70% ของพอร์ต อย่างไรก็ตามค่าอัตราสินเชื่อรายบุคคลเฉลี่ย 26.5% ใกล้เคียงกับเป้าที่ ธปท. ได้ร้องขอที่ 26% ดังนั้นเราเชื่อว่าบริษัทจึงโดนผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากมาตรการครั้งนี้จากสินเชื่อบุคคลกดเงินสด (KTC PROUD)

 

ทั้งนี้ เราคาดการตั้งสำรองเพื่อหนี้สูญสูงใกล้เคียงปีก่อน ซึ่งผู้บริหารกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการระบาดของ COVID-19ส่งผลให้การตั้งสำรองเพื่อหนี้สูญยังคงสูงตลอดปี 2563 โดย KTC มีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯสูงที่สุดในกลุ่ม อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯ ณ สิ้นเดือน มี.ค.อยู่ที่ 203% ตามมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ TFRS9 และทำให้สัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ 4.01%

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0