โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

In Focus: “โควิด-19” ลามยุโรปและตะวันออกกลาง จับตา WHO ประกาศภาวะการระบาดระดับโลกหรือไม่

อินโฟเควสท์

เผยแพร่ 26 ก.พ. 2563 เวลา 04.50 น. • สำนักข่าวอินโฟเควสท์
In Focus: “โควิด-19” ลามยุโรปและตะวันออกกลาง จับตา WHO ประกาศภาวะการระบาดระดับโลกหรือไม่

ในขณะที่จีนสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้ในระดับที่สามารถทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง และไม่พบผู้เสียชีวิตนอกพื้นที่ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอย่างมณฑลหูเป่ย แต่การระบาดของโควิด-19 ไม่ได้มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย กลับลุกลามไปยังนานาประเทศในทวีปต่างๆ อย่างต่อเนื่องถึงกว่า 20 ประเทศแล้ว

ล่าสุด ประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น อิตาลี สเปน และหลายประเทศในตะวันออกกลางต้องรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตกันอย่างเร่งด่วน ด้วยการใช้มาตรการปิดเมือง โรงเรียน โรงภาพยนตร์ พื้นที่บริเวณชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มเติม

แม้ว่า จะมีการเตรียมความพร้อมรับมือ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ในที่สุด In Focus ขอเจาะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงเส้นทางการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้น และการจัดการกับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันไป

อิตาลีระบาดหนัก

อิตาลีถือเป็นประเทศในยุโรปที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยยอดผู้ติดเชื้อกว่า 300 ราย และผู้เสียชีวิต 11 ราย รัฐบาลอิตาลีประกาศปิดเมืองมากกว่า 10 แห่งทางตอนเหนือของประเทศ โดยมีการปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ในภูมิภาคดังกล่าว เพื่อสกัดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ การประกาศปิดเมืองดังกล่าวมีขึ้น หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสในเมืองมิลานและเวนิส ซึ่งอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดีและเวเนโต และเป็นภูมิภาคที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่อิตาลีมากถึง 30%

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ยกเลิกแมทช์การแข่งขันฟุตบอลเซเรอา เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวของประชาชน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเลวร้ายลง

สำหรับผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 84 ปีในเมืองแบร์กาโม แคว้นลอมบาร์เดีย ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างหนัก

อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และคณะกรรมการธิการสหภาพยุโรป ได้ให้คำมั่นว่า จะยังคงเปิดพรมแดนไว้ ในขณะที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วยุโรป รวมทั้งภาคกลางและใต้ของอิตาลี

ทางด้านศาสตราจารย์เดวี ซีทรา จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ กล่าวว่า มุมมองของเธอที่มีต่อการระบาดของโควิด-19 นั้น เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์ระดับฉุกเฉินในจีน แต่ตอนนี้เราจะเห็นได้ว่า เกิดการติดเชื้อในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิหร่าน และอิตาลี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไวรัสมีอัตราการติดเชื้อสูงและยังแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เรายังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่จะสามารถระบุได้ว่า ขณะนี้เราย่างเข้าสู่การระบาดระดับโลก (Pandemic) หรือสถานการณ์ที่โรคติดต่อโรคใดโรคหนึ่งได้คุกคามชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลกในคราวเดียวกันหรือไม่ แต่ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ เราคงจะมีข้อมูลในเรื่องนี้ หากเกิดสถานการณ์ติดเชื้อและระบาดในอิตาลีและอิหร่านได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็สามารถเกิดสถานการณ์แบบนี้ได้เช่นกัน

สเปนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรมในหมู่เกาะคานารี

แม้ว่า โรงแรม H10 Costa Adeje Palace Gotel ซึ่งตั้งอยู่เกาะ Tenerife ในบริเวณหมู่เกาะคานารีของประเทศสเปนจะดูเหมือนว่า ตั้งอยู่ห่างไกลและน่าจะปลอดจากโควิด-19 แต่ล่าสุด โรงแรมแห่งนี้ก็ได้ถูกสั่งกักบริเวณแล้ว หลังจากที่แขกที่เข้าพักซึ่งเป็นแพทย์ชาวอิตาลีติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้แขกที่เข้าพักที่โรงแรมต้องอยู่แต่ภายในห้องพัก ทางด้านหน่วยงานสาธารณสุขของสเปนระบุว่า จะตรวจสอบนักท่องเที่ยวและพนักงานในโรงแรมดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่มีประวัติติดต่อกับแพทย์ชาวอิตาลี

แพทย์ชาวอิตาลีคนดังกล่าวเดินทางมาจากแคว้นลอมบาร์เดีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอิตาลีได้สั่งการให้ปิดเมืองขนาดเล็กในแคว้านลอมบาร์เดียและเวเนโต ซึ่งหมายความว่า ประชาชนประมาณ 5 หมื่นรายในพื้นที่ดังกล่าว จะไม่สามารถออกจากเมืองได้หากไม่ได้รับอนุญาตในช่วง 2 สัปดาห์หน้านี้ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอิตาลีอย่างโครเอเชียและกรีซได้สั่งให้ยกเลิกแผนการเดินทางเยือนอิตาลีของโรงเรียนต่าง ๆทั้งหมด

ทั้งนี้ แพทย์ชาวอิตาลีถือเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 3 ในสเปน หลังจากที่มีการตรวจพบนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันและชาวอังกฤษติดเชื้อ

ตะวันออกกลาง

อิหร่านและอิรักเป็นอีกหนึ่งในหลายประเทศในตะวันออกกลางที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 และที่น่าตกใจก็คือ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านก็ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และขณะนี้อยู่ในสถานะของการกักตัวและการรักษา โดย Eghtesaonline ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของอิหร่านเปิดเผยเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ว่า ชาวอิหร่านที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เสียชีวิตอีก 2 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในอิหร่าน เพิ่มเป็น 14 ราย นับเป็นยอดรวมผู้เสียชีวิตสูงที่สุดที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน

เว็บไซต์ดังกล่าวรายงานการเปิดเผยของคณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์ Saveh ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิต 2 รายดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 โดยทางการอิหร่านได้สั่งยกเลิกคอนเสิร์ตทั่วประเทศ, สั่งปิดโรงเรียน, มหาวิทยาลัย และศูนย์กีฬา เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้าและสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขอิรักแถลงเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ว่า อิรักได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิหร่าน และอิตาลี เดินทางเข้าประเทศ โดยไม่มีกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

แถลงการณ์ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยตรงหรือโดยอ้อมจากกลุ่มประเทศดังกล่าว แต่ยกเว้นสำหรับชาวอิรัก นักการทูต และตัวแทนเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯยังได้แนะนำให้ชาวอิรักหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว

ทางด้านสำนักงานการบินพลเรือนของคูเวตแถลงว่า คูเวตได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่ไปกลับจากประเทศไทย เกาหลีใต้ และอิตาลี หลังมีรายงานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มประเทศดังกล่าว

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวของสำนักงานการบินพลเรือนมีขึ้นตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขคูเวต

ก่อนหน้านี้ คูเวตได้ระงับเที่ยวบินไปกลับจากอิรัก เนื่องจากมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศดังกล่าวเช่นกัน

สถานะของโควิด-19 ในมุมมองขององค์การอนามัยโลก

ก่อนหน้านี้ ได้มีการจับตาองค์การอนามัยโลก (WHO) มาโดยตลอดว่า จะประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดระดับโลก (Pandemic) หรือสถานการณ์ที่โรคติดต่อใดโรคหนึ่งได้คุกคามชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลกในคราวเดียวกันหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ไวรัสยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม และในขณะนี้ ไวรัสยังไม่ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแบบที่ปราศจากการควบคุม และยังไม่มีกรณีของการเสียชีวิตจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในคราวเดียว

สำหรับการตัดสินใจประกาศสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภัยฉุกเฉินสากล (PHEIC) ของ WHO เมื่อช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากเกิดกรณีการติดเชื้อจากคนสู่คนนอกประเทศจีน ซึ่งการติดเชื้อจากคนสู่คนดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศให้นานาประเทศได้เตรียมพร้อมรับมือ

ด้านโฆษกของ WHO เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ว่า ขณะที่หลายประเทศเตรียมพร้อมที่จะรับมือในระดับ Pandemic ไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และหลายประเทศก็พร้อมที่จะดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่ทาง WHO ยังไม่ได้วางแผนที่จะมีการประกาศครั้งใหญ่แต่ประการใด

อย่างไรก็ดี แม้ว่า จะยังไม่มีการประกาศครั้งใหญ่หรือการประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดระดับโลก แต่โควิด-19 ก็มีคุณสมบัติที่เข้าข่ายหลายรายการ อาทิ โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสครั้งนี้ก็เป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 และยังแพร่กระจายไปยังผู้คนได้ง่าย อีกทั้งยังกระจายจากคนสู่คนอย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากวัคซีนหรือวิธีการรักษาแบบที่สามารถป้องกันโรคได้ ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะช่วยกัน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 63)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0