โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

In Focus: กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ กับการเดินหมากเกมใหม่ของจีนในฮ่องกง

อินโฟเควสท์

อัพเดต 27 พ.ค. 2563 เวลา 08.38 น. • เผยแพร่ 27 พ.ค. 2563 เวลา 08.38 น. • สำนักข่าวอินโฟเควสท์

การประท้วงฮ่องกงเริ่มเป็นที่จับตาและกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ต้องพักยกไปช่วงใหญ่ ๆ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

สำหรับชนวนเหตุที่ทำให้ชาวฮ่องกงลุกฮือประท้วงระลอกใหม่นั้น มาจากการที่รัฐบาลจีนได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงแผนการที่จะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ หรือ National Security Law กับฮ่องกง โดยนายจาง เย่ซุ่ย โฆษกประจำการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 กล่าวในงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นก่อนการประชุมประจำปีของสภาฯ ว่า "กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเป็นรากฐานที่ค้ำจุนเสถียรภาพของประเทศ การปกป้องความมั่นคงของชาติถือเป็นผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนชาวจีนทุกคน ซึ่งรวมถึงชาวฮ่องกง เพื่อนร่วมชาติของเรา"

การประกาศว่าจะใช้กฎหมายดังกล่าวได้จุดความหวาดกลัวและความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในฮ่องกง โดยเฉพาะกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่เชื่อว่า กฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง

กลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ระบุว่า รัฐบาลจีนไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้เมื่อครั้งรับมอบเกาะฮ่องกงคืนจากสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2540 โดยในตอนนั้น ฮ่องกงได้รับการยืนยันว่าจะมีอิสระในการปกครองตนเองในระดับสูง และมีระบบศาลยุติธรรมที่เป็นอิสระจากรัฐบาลปักกิ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี ภายใต้หลักการที่เรียกว่า "หนึ่งประเทศ สองระบบ"

"นี่คือจุดจบของฮ่องกง นี่คือจุดจบของหนึ่งประเทศ สองระบบ"

เดนนิส กัว สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกง กล่าวกับนิตยสารไทม์

กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติคืออะไร เหตุใดชาวฮ่องกงจึงกลัวกฎหมายฉบับนี้ In Focus สัปดาห์นี้ ขอพาผู้อ่านไปหาคำตอบกัน ณ บัดนี้

กฎหมายฉบับนี้เกี่ยวกับอะไร

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม รัฐบาลจีนได้เสนอญัตติร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติต่อที่ประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของจีน เพื่อให้สภาฯ ลงมติในสัปดาห์นี้ ซึ่งก็น่าจะผ่านไปได้แบบไม่มีการพลิกโผ

สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว ยังจำเป็นต้องมีการตกลงกันในรายละเอียด แต่เท่าที่สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานนั้น ทำให้ทราบได้คร่าว ๆ ว่า กฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้การกระทำดังต่อไปนี้ถือเป็นอาชญากรรม ได้แก่ การแบ่งแยกดินแดน การล้มล้างอำนาจการปกครองของรัฐบาลกลาง การก่อการร้าย และการแทรกแซงกิจการในฮ่องกงโดยกองกำลังต่างชาติ นอกจากนี้ เนื้อหาส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายที่ทำให้ชาวฮ่องกงกังวลก็คือ ส่วนที่ระบุว่า จีนอาจจัดตั้งสถาบันต่าง ๆ ขึ้นในฮ่องกง เพื่อมาทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ด้วยตนเอง

หากย้อนกลับไป จีนได้ออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับแรกเมื่อปี 2536 ซึ่งมุ่งไปที่ประเด็นเกี่ยวกับการจารกรรม ก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะถูกแทนที่ด้วยกฎหมายต่อต้านการจารกรรม (Counterespionage Law) ในปี 2557 ซึ่งพุ่งเป้าไปที่สายลับชาวต่างชาติ รวมถึงบุคคลและองค์กรของจีนที่ร่วมมือกับสายลับต่างชาติเหล่านั้น

เหตุใดจีนจึงต้องการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ในตอนนี้

ต่อมาในปี 2558 จีนได้ผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งขยายขอบเขตกว้างกว่ากฎหมายฉบับเดิมมาก โดยครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น กลาโหม การเมือง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี ไซเบอร์สเปซ วัฒนธรรม อุดมการณ์ และศาสนา กฎหมายฉบับใหม่นี้ผลักดันโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยหนึ่งปีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ปธน.สีได้ตั้งคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมนั่งเป็นประธานด้วยตัวเอง

สหราชอาณาจักรส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้กับจีนในปี 2540 ภายใต้สัญญาของรัฐบาลจีนว่าจะปกครองฮ่องกงโดยใช้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และ "กฎหมายพื้นฐาน" (Basic Law) ซึ่งเปรียบเสมือน "อนุรัฐธรรมนูญ" (mini-constitution) ของฮ่องกง โดยเป็นที่เข้าใจกันว่า กฎหมายและหลักการดังกล่าวจะปกป้องเสรีภาพบางประการสำหรับฮ่องกง ได้แก่ เสรีภาพในการการพูด เสรีภาพในการชุมนุม ความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ และสิทธิประชาธิปไตย ซึ่งดินแดนอื่น ๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้รับสิทธินั้น

ขณะเดียวกัน ภายใต้สัญญาฉบับเดียวกันนี้ ฮ่องกงต้องออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของตนเอง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 23 ของกฎหมายพื้นฐาน โดยรัฐบาลฮ่องกงต้องบังคับใช้กฎหมายที่ห้ามการกระทำต่าง ๆ เช่น การก่อกบฏ การแบ่งแยกดินแดน การปลุกระดมมวลชนให้ขัดขืนอำนาจการปกครอง การโค่นล้มการปกครองของรัฐบาลจีน และการขโมยความลับของชาติ

อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงไม่เคยทำได้สำเร็จ โดยรัฐบาลฮ่องกงเคยพยายามแล้ว แต่ถูกคัดค้านอย่างหนัก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2546 ประชาชนประมาณ 500,000 คนได้ออกมาชุมนุมประท้วงร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน จนกระทั่งในที่สุด ร่างกฎหมายดังกล่าวก็ถูกล้มพับไป เพราะรัฐบาลฮ่องกงต้านกระแสความไม่พอใจของประชาชนไม่ไหว

จนมาในปี 2562 มีเหตุให้ชาวฮ่องกงลุกฮือประท้วงครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยหากยังพอจะจำเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วกันได้ ชาวฮ่องกงได้เริ่มเปิดฉากการชุมนุมประท้วงในเดือนมิ.ย. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ แม้สุดท้ายแล้ว นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะยอมอ่อนข้อประกาศยกเลิกการพิจารณากฎหมายดังกล่าวเป็นการถาวร แต่ดูเหมือนว่า ชาวฮ่องจะไม่พอใจอยู่แค่นั้นอีกต่อไป จากการต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จึงลุกลามกลายเป็นการเคลื่อนไหวต่อต้านจีนและเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับฮ่องกง … ซึ่งจีนไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงไม่สามารถออกกฎหมายความมั่นคงผ่านกระบวนการทางรัฐสภา ทำให้รัฐบาลปักกิ่งใช้เป็นข้ออ้างในการยื่นมือเข้ามาจัดการด้วยตนเอง

"ผมคิดว่า รัฐบาลจีนหมดความอดทนที่จะรอให้สภานิติบัญญัติของฮ่องกงผ่านกฎหมายความมั่นคงตามที่ระบุไว้ในมาตรา 23" วิลลี ลัม ศาสตราจารย์วุฒิคุณจากศูนย์จีนศึกษา มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง กล่าว "นี่เป็นวิธีที่จีนจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกับฮ่องกงได้โดยตรง"

สอดคล้องกับบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ของทางการจีน ซึ่งระบุว่า กฎหมายฉบับนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในฮ่องกงขึ้นอีกในอนาคต

"การออกกฎหมายจะเป็นรากฐานสำหรับการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงในฮ่องกง"

เหตุใดชาวฮ่องกงจึงกลัวกฎหมายฉบับนี้

สิ่งที่ชาวฮ่องกงกลัวที่สุดคือ กลัวว่า สิทธิเสรีภาพของตนจะถูกลิดรอน

ชาวฮ่องกงเชื่อว่า กฎหมายฉบับนี้จะส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการพูดและสิทธิในการประท้วง โดยปัจจุบัน หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในจีน จะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง

นายวิลลี ลัม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน แสดงความกังวลว่า กฎหมายฉบับนี้อาจเปิดทางให้ประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์จีนถูกลงโทษ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่

ขณะเดียวกัน ชาวฮ่องกงอีกเป็นจำนวนมากยังกลัวด้วยว่า ระบบตุลาการของฮ่องกงจะกลายเป็นแบบเดียวกับของจีน

"การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติเกือบทั้งหมด เป็นการดำเนินการอย่างลับ ๆ ไม่ให้คนทั่วไปได้รับรู้ และไม่เคยมีความชัดเจนว่า ข้อกล่าวหาและหลักฐานคืออะไรกันแน่ นอกจากนี้ คำว่าความมั่นคงของชาติก็คลุมเครือ จนอาจทำให้ครอบคลุมไปเกือบทุกเรื่อง"

ศาสตราจารย์ โจฮันส์ ชาน นักวิชาการด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง กล่าว

บรรดานักวิจารณ์ระบุด้วยว่า การออกกฎหมายความมั่นคงถือเป็นอวสานของ "หนึ่งประเทศ สองระบบ"

"ดิฉันคิดว่า วันนี้เป็นวันที่เศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง" แทนย่า ชาน สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา "ไม่มีอีกแล้ว หนึ่งประเทศ สองระบบ ต่อไปนี้จะมีแต่ หนึ่งประเทศ หนึ่งระบบ"

ด้านคลอเดีย ม่อ สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า การออกกฎหมายโดยไม่ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติของฮ่องกงนั้น ถือเป็นการ "ตอกตะปูปิดฝาโลง" สำหรับความมีอิสระในการปกครองตนเองของฮ่องกง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า การออกกฎหมายความมั่นคงของจีนจะเป็นการรุกล้ำเสรีภาพของฮ่องกง ซึ่งที่ผ่านมาก็ลดน้อยถอยลงอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมา จีนได้ใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของตนเองในการควบคุมและปราบปรามนักเคลื่อนไหว นักข่าว นักกฎหมาย และนักสิทธิมนุษยชน ยกตัวอย่างเช่นกรณีของนายหลิว เสี่ยวปอ เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพชาวจีน ที่วิพากษ์วิจารณ์จีนในประเด็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน จนถูกจำคุกในปี 2552 จากความผิดฐาน "บ่อนทำลายอำนาจรัฐ"

เอ็ดดี้ ชู นักการเมืองฮ่องกง กล่าวว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจะบีบบังคับฮ่องกงให้ยอมรับการบังคับใช้กฎหมายและระบบกฎหมายของจีน กฎหมายฉบับนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดปากประชาชน

"กฎหมายความมั่นคงฉบับนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ประชาชนคนธรรมดาทั่วไป และลงโทษพวกที่กล้าแสดงความคิดเห็น" นายชูกล่าว "สิ่งที่เรากลัวทั้งหมดที่กำลังเกิดกับสิทธิมนุษยชนในจีน กำลังจะเกิดขึ้นในฮ่องกง"

อีกประเด็นที่ชาวฮ่องกงวิตกกังวลก็คือ ภัยคุกคามต่อเสรีภาพของฮ่องกงอาจส่งผลกระทบต่อความน่าดึงดูดของฮ่องกง ในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ตลอดจนศูนย์กลางการเงินและธุรกิจของภูมิภาค

โดยกระทรวงสถิติและการสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลฮ่องกงเปิดเผยว่า เศรษฐกิจฮ่องกงหดตัว 1.2% ในปี 2562 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบหนึ่งทศวรรษ จากผลกระทบของความไม่สงบและความวุ่นวายทางการเมืองจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลฮ่องกง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงร่วงลง 2.9% ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2561 หลังจากที่ GDP ดิ่งลง 2.8% ในไตรมาส 3

โฆษกรัฐบาลฮ่องกงเปิดเผยว่า ความไม่สงบทางการเมืองในไตรมาส 4 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จีนจะบังคับใช้กฎหมายในฮ่องกงได้หรือไม่

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คาดว่า ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีนจะลงมติรับร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 28 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมประจำปีของ NPC ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3

แม้กฎหมายพื้นฐาน หรือ Basic Law ระบุว่า กฎหมายต่าง ๆ ของจีนไม่สามารถนำมาใช้ในฮ่องกงได้ แต่ทว่า ภาคผนวกที่ 3 (Annex III) ในกฎหมายพื้นฐานกลับเปิดช่องให้ฮ่องกงต้องเคารพกฎหมายของจีน โดยกฎหมายเหล่านี้อาจออกมาในรูปของพระราชกำหนด ซึ่งหมายถึงการที่ไม่ต้องผ่านรัฐสภาของฮ่องกง อีกทั้งนางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ก็ได้ออกมาบอกแล้วว่า เธอจะให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้

อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ การประท้วงจะขยายวงกว้างไปเป็นการประท้วงใหญ่เหมือนเมื่อปีที่แล้วหรือไม่ โดยขณะนี้ เริ่มมีการประท้วงกลุ่มเล็ก ๆ กระจายกันไปตามสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในฮ่องกงดีขึ้น

"อาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่จะปลุกชาวฮ่องกงทั่วไปให้ออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนน ผมคิดว่า ประชาชนส่วนหนึ่งยอมจำนนในสิ่งที่พวกเขาคิดว่า ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"

นายวิลลี ลัม กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 63)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0