รอยเตอร์/เอเจนซีส์- เมื่อวานนี้(24 เม.ย)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศความก้าวหน้าในการทำสงครามกับโอปิออยด์ (opioid) หรือยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์คล้ายยาเสพติดมอร์ฟีน ให้คำสัญญาจะนำบริษัทยาต้องรับผิดชอบทางกฎหมายหลังมีพลเมืองสหรัฐฯเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด ก่อนหน้าวันอังคาร(23 เม.ย)บริษัทจัดจำหน่ายยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ โรเชสเตอร์ ดรัก โคออปเปอเรตีฟ(Rochester Drug Cooperative) ถูกสั่งปรับ 20ล้านดอลลาร์ในคดีอาญาเป็นครั้งแรกของอเมริกา พร้อมดำเนินคดีกับผู้บริหาร
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(24 เม.ย)ว่า วิกฤตการใช้ยาแก้ปวดโอปิออยด์เกินขนาดของอเมริกาได้ทำร้ายพื้นที่ห่างไกลของอเมริกา ซึ่งถือเป็นฐานเสียงของผู้นำทำเนียบขาวคนปัจจุบัน ซึ่งวิกฤตนี้กลายเป็นความสนใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน
ทั้งนี้ในรัฐบาลก่อนหน้าของพรรคเดโมแครต อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา เป็นผู้อนุญาตให้การครอบครองกัญชาเพื่อสันทนาการถูกกฎหมาย มีการใช้กัญชารักษาโรคอย่างแพร่หลาย มีทั้งการปลูกเพื่อการค้าและจัดจำหน่ายอย่างครึกโครมโดยเฉพาะในรัฐโคโลราโด
พบมีการใช้น้ำมันกัญชาอย่างกว้างขวาง นอกเหนือจากการรักษาโรค ยังใช้กัญชาเป็นต้นว่าผสมในขนมคุ๊กกี้ หรือแม้กระทั่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงสำหรับรักษาโรค
แต่ทว่าในสมัยพรรครีพับลิกันของรัฐบาลทรัมป์ นโยบายการให้กัญชาถูกกฎหมายได้ถูกขัดขวางโดยอดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เจฟฟ์ เซสชันส์ (Jeff Sessions) โดยสื่อสหรัฐฯ NBC NEWS เคยรายงานว่า เซสชันส์ได้สั่งการให้อัยการสหรัฐฯบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯอย่างเข้มงวด แม้กระทั่งในรัฐที่อนุญาตให้การใช้กัญชาถูกกฎหมาย
และสำหรับโอปิออยด์(opioid)นั้น ถือเป็นสารที่มีฤทธิคล้ายยาเสพติดมอร์ฟีนได้กลายเป็นปัญหาสังคมอเมริกาเวลานี้ โพลสำรวจของสื่อ NPR และอิปซอส( Ipsos) ล่าสุดที่ถูกเผยแพร่วันนี้(25) พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่หรือราว 57%ของผู้ตอบแบบสอบถามลงความเห็นว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ทำให้วิกฤตยาแก้ปวดโอปิออยด์เลวร้าย
นอกจากนี้ยังพบว่าอีกกว่า 70% เห็นด้วยที่จะให้บริษัทยาต้องรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาบำบัดอาการติดของผู้ป่วย พร้อมกับจ่ายค่ายา นาลาโซน(naloxone) ซึ่งเป็นตัวยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ใช้ยาแก้ปวดโอปิออยด์เกินขนาด
ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อวันในการใช้ยาแก้ปวดโอปิออยด์ในอเมริกา และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 200,000 คนจากการใช้โอปิออยด์ที่ได้รับจากใบสั่งแพทย์นับตั้งแต่วิกฤตได้เริ่มตั้งแต่ช่วงยุค 90 NPR รายงาน
ทั้งนี้ในวันอังคาร(23) รัฐบาลสหรัฐฯตั้งข้อหาค้ายาเสพติดกับบริษัทจัดจำหน่ายยายักษ์ใหญ่ของอเมริกา โรเชสเตอร์ ดรัก โคออปเปอเรตีฟ(Rochester Drug Cooperative) ที่ได้สั่งจ่ายยาแก้ปวดโอปิออยด์ตามใบสั่งแพทย์ระหว่างปี 2012-2017 โดยได้มีการสั่งดำเนินคดีกับทั้งผู้บริหารและบริษัท พร้อมกับสั่งปรับเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสสตร์ที่มีการดำเนินคดีกับบริษัทยาในวิกฤตโอปิออยด์
รอยเตอร์กล่าวว่า ทางบริษัทโรเชสเตอร์ ดรัก คูเปอเรตีฟ ตกลงยอมจ่ายค่าปรับ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า อดีตผู้บริหาร 2 คนถูกตั้งข้อหาและจับกุม จากการที่ทางบริษัทได้เพิกเฉยต่อคำเตือนสีแดง และแจกจ่ายหลายสิบล้านของยาออกซีโคโดน(oxycodone) และผลิตภัณฑ์เซนทานิล(fentanyl) ไปยังร้านขายยาที่ทางบริษัทรู้ดีอยู่แล้วว่า "จ่ายยาผิดกฎหมาย"
ทรัมป์ประกาศในงานสัมนาการใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างไม่ถูกต้องและเฮโรอิน(the Rx Drug Abuse and Heroin Summit) ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ว่า “เราต้องให้พวกบริษัทยายักษ์ใหญ่รับผิดชอบ”
การเสียชีวิตจากการยาแก้ปวดโอปิออยด์เกินขนาดในสหรัฐฯพุ่งมากกว่า 17% ในปี 2017 จากปีก่อนหน้า ที่เห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 49,000 ราย อ้างอิงจากศูนย์การควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ CDC
ทั้งนี้เมื่อตุลาคม 2017 ผู้นำสหรัฐฯประกาศให้วิกฤตยาแก้ปวดโอปิออยด์ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของประเทศ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯชี้ว่า พวกเขาจะใช้เงิน 350 ล้านดอลลาร์ใน 4 รัฐเพื่อทำการศึกษาวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือวิกฤตโอปิออยด์ระดับพื้นที่ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดโอปิออยด์เกินขนาดให้ได้ 40% ภายในระยะเวลา 3 ปีในชุมชนเป้าหมายของรัฐทั้ง 4 นี้
