ปัจจัยร้อนแรงและกระทบการลงทุนใน“ตลาดหุ้นจีน” มากที่สุดในตอนนี้คือการควบคุมและการออกกฎระเบียบจาก“รัฐบาลจีน”
ซึ่งในปีนี้หลายบริษัทได้รับผลกระทบจากการออกกฎระเบียบจากรัฐบาลจีนทั้งด้านการผูกขาดทางการค้าด้านกฎเกณฑ์การทำธุรกิจและด้านการควบคุมการนำข้อมูลผู้บริโภคไปใช้จนเขย่าขวัญนักลงทุนที่ลงทุนใน“กองหุ้นจีน” ไปตามๆกัน
การควบคุมจากทางรัฐบาลจีนเริ่มตั้งแต่ “Ant Group” บริษัทในเครือ “Alibaba” และไม่นานมานี้กรณีของ “Didi Chuxing” ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในจีนรวมถึง “Tencent” บริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีนและล่าสุด“กลุ่มติวเตอร์ออนไลน” ซึ่งสร้างความกังวลให้นักลงทุนว่าจะมีการขยายการควบคุมไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นด้วยหรือไม่?
อย่างไรก็ตามแม้“หุ้นจีน” จะถูกคุมเข้มจากรัฐบาลจีนแต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ!!!
วันนี้ทีมงาน‘โต๊ะกองทุนWealthythai’ มีโอกาสการลงทุนใน“หุ้นจีน” ในท่ามกลางวิกฤติในครั้งนี้จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงบลจ.มาฝากกัน
“บลจ.บางกอกแคปปิตอล” แนะหลบเข้าลงทุนหุ้นจีนกลุ่ม“ไบโอเทค/เทคโนโลยีพลังงานสะอาด” แทน
โดย“ดร.ธนาวุฒิพรโรจนางกูร” รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บางกอกแคปปิตอลจำกัด(BCAP) บอกว่ากลุ่ม“China Consumer Tech” กำลังเข้าสู่new growth regime ที่อาจจะถูกปรับฐานเพื่อสะท้อนการเติบโตที่ลดลงเชื่อว่าทางการจีนจะยังคงมีนโยบายในเชิงควบคุมกลุ่มConsumer Tech ออกมาอีกเป็นระยะๆแต่การพัฒนานวัตกรรมยังมีความจำอย่างยิ่งสำหรับประเทศจีนเพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกภายใต้แผนแม่บทในการพัฒนาประเทศอย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหญ่ขึ้นจนนำมาสู่การผูกขาดทางการค้าการนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและเอาเปรียบผู้บริโภคการให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างซึ่งหากปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะต่อไป
(ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร)
“ดังนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า‘China Non-consumer Tech’ เช่นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มClean Energy, กลุ่มBiotech ที่เป็นฐานการผลิตของโลกและกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการอุตสาหกรรมจะยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นจากการที่ราคาปรับลงมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงและจากนโยบายสนับสนุนต่อเนื่องจากภาครัฐจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าว”
“บลจ.ทหารไทย” ชู‘หุ้นเทคฯจีนขนาดกลาง-เล็ก’ ได้รับผลกระทบน้อย…โอกาสโตสวนตลาด
ด้าน“บดินทร์พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบลจ.ทหารไทยจำกัด(TMBAM Eastspring) มองว่าผลกระทบจากการควบคุมจากรัฐบาลจีนล่าสุดโดยเฉพาะด้านกฎระเบียบการผูกขาดตลาดทำให้ตลาดหุ้นจีนมีการปรับฐานลงหนักในช่วงนี้โดยพบว่าดัชนีที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ “Hang Seng Tech” ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กว่า30 บริษัทในตลาดหุ้นฮ่องกงเช่น Tencent, Alibaba, JD.com และนอกจากนั้นยังพบว่าหลายบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน Hang Seng Tech ถูกนับรวมอยู่ในดัชนี “H-Shares” และ “MSCI China” ส่งผลให้3 ดัชนีนี้ปรับตัวลงแรงเช่นกันทำให้ทั้ง3 ตลาดหุ้นข้างต้นล้วนได้รับผลกระทบจากการกำกับดูแลของรัฐบาลจีนที่ออกกฎระเบียบควบคุมในด้านต่างๆรวมถึงประเด็น“สงครามทางเทคโนโลยี(Tech War)” กับทางสหรัฐที่พยายามสกัดกั้นเทคโนโลยีจากทางจีนและยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
(บดินทร์ พุทธอินทร์)
“สิ่งที่น่าสนใจจากผลกระทบเหล่านี้คือการสร้างโอกาสการลงทุนจาก‘หุ้นจีน’ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นนวัตกรรมเทคโนโลยีจีนที่เป็น‘หุ้นขนาดเล็ก-กลาง’ นั้นแต่มีโอกาสเติบโตสูงซึ่งก็คือ STAR Market (SSE STAR 50) ซึ่งเป็นดัชนีที่เน้นเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยดัชนีนี้จะเป็นการรวมบริษัทเทคโนโลยีของจีนคล้ายกับตลาดหุ้น ‘NASDAQ’ ของสหรัฐ”
ทั้งนี้พบว่าในช่วงที่ผ่านมาดัชนีนี้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางดัชนีหลักและดัชนี SSE STAR 50 กำลังใกล้จะทำสถิติจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่มีการซื้อขายในช่วงเดือนก.ค. 20 เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจึงทำให้ได้รับผลกระทบจากเรื่องกฎระเบียบด้านการผูกขาดน้อยและในทางตรงกันข้ามเราจะพบว่าบริษัทเหล่านี้ยังได้รับการสนับสนุนและการส่งเสริมจากทางภาครัฐจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่14 ที่เน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย
“นอกจากนั้นโดยมากบริษัทเหล่านี้มีรายได้หลักอยู่ในประเทศจีนทำให้ประเด็นสงครามเทคโนโลยีที่ถูกกดดันจากทางสหรัฐฯไม่ได้มีผลต่อบริษัทในดัชนีเหล่านี้มากนักจึงส่งผลให้ดัชนีนี้ปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี”
สำหรับ“ตลาดหุ้นจีน” ยังคงปกคลุมไปด้วยความไม่มั่นใจนักลงทุนใน“ระยะสั้น” อาจต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของรัฐบาลจีนแต่ใน“ระยะยาว” ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศจีนยังคงเติบโตได้ดีและน่าสนใจในระยะยาวและในหุ้นจีนเองก็ยังมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยและยังมีโอกาสเติบโตที่ดีให้ได้เลือกลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน