โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Home Therapy ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเถอะ

Johjai Online

อัพเดต 22 ม.ค. 2562 เวลา 08.05 น. • เผยแพร่ 21 ม.ค. 2562 เวลา 17.00 น. • johjaionline.com
Home Therapy ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเถอะ
ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ไหว “กลับบ้านเถอะ” กลับไปเยียวยาหัวใจให้แข็งแรง

หลายๆคนต้องห่างบ้านห่างครอบครัวเพื่อไปเรียน ไปทำงาน หรือแต่งงานใช้ชีวิตคู่และพบเจอกับปัญหามากมายในทุกๆวัน เราแก้ปัญหา รับมือกับปัญหาต่างๆที่เข้ามา แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะรับมือกับมันได้ ปัญหาบางอย่างมันก็ยากเกินกว่าที่หัวใจของเราจะรับไหว ถ้าคุณเลือกที่จะสู้กับมันและยอมรับกับความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญได้ นั่นเป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ไหว “กลับบ้านเถอะ” กลับไปเยียวยาหัวใจให้แข็งแรง และมาสู้ใหม่ก็ยังไม่สาย
 
คุณคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “บ้านคือวิมาน” ฉันเห็นด้วย เพราะคำว่าบ้านสำหรับฉันมันคือสถานที่ที่อยู่แล้วปลอดภัย อยู่แล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และสิ่งสำคัญที่สุดคือมีคนที่เรารักและรักเรา คนที่ยิ้มไปกับเราในวันที่เราสุข คนที่เข้าใจและรับฟังเมื่อเราทุกข์ ให้อภัยเมื่อเราทำผิดพลาดอย่างจริงใจ ถ้าบ้านขาดสิ่งเหล่านี้ ฉันคิดว่าบ้านคงไม่ใช่วิมานอย่างแท้จริง
 
ชีวิตของฉันคงเหมือนกับใครหลายๆคน ต้องอยู่ห่างบ้านห่างครอบครัวห่างสุนัขที่ฉันรัก ออกไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ได้พบประสบการณ์ชีวิตมากมายทั้งดีและไม่ดี เมื่อมีปัญหา ฉันมักจะแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กหรือวิธีการเลี้ยงดูจากทางบ้าน แต่ก็ยอมรับว่ามีอยู่บ่อยครั้งที่ฉันก็รับมือกับมันไม่ไหว หาทางออกไม่ได้ ที่ๆฉันอยู่ตอนนี้ไม่สามารถเยียวยาหัวใจของฉันได้ “ฉันจึงเลือกที่จะกลับบ้าน”
 

สิ่งแวดล้อมต่างๆที่บ้านมันเยียวยาหัวใจได้ดีเหลือเกิน โดยเฉพาะครอบครัวที่เข้าใจและรับฟังปัญหาของเราอย่างตั้งใจ องค์ประกอบทุกๆอย่างมันเหมือนเป็นมนต์วิเศษที่ทำให้เรามีพลัง มีกำลังใจที่จะสู้กับทุกปัญหา  ซึ่งมันหาที่อื่นไม่ได้นอกจากที่บ้าน สิ่งเหล่านี้ฉันเรียกมันว่า “Home Therapy”
 
“ใครไม่กลับ…ฉันกลับบ้าน”
บ้านคือปัจจัย4 เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ มันเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนเกิดมาต้องมีเป็นสิ่งแรก เราเริ่มสร้างความทรงจำที่นั่นตั้งแต่เล็กจนโต เราเติบโตไปพร้อมกับบ้าน เราต่อเติม เราซ่อมแซมมัน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผู้คนถึงโหยหายอมฝ่าฟันรถติดมากมาย ต่อคิวซื้อตั๋วรถโดยสารหรือจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อ“แค่ได้กลับบ้าน” กลับไปหาครอบครัวคนที่เรารัก ดื่มด่ำกับบรรยากาศเก่าๆที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เล็กจนโต ได้กินกับข้าวฝีมือของแม่กับรสชาติที่เราห่างหายจากมันไปนาน ความเจ้าระเบียบของพ่อ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความห่วงใย ไม่มีสถานที่ไหนในโลกใบนี้ให้สิ่งเหล่านี้กับเราได้นอกจาก “บ้านของเรา”

“อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา”
บางคนสุขใจกับการได้อยู่บ้านหลังใหญ่หรูหรา บางคนสุขใจแค่ได้มีบ้านหลังเล็กๆที่พร้อมเพรียงไปด้วยความรักจากครอบครัว หรือแม้แต่บางคนที่สุขใจกับการอยู่กับหมาที่บ้าน ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าคุณอยู่แล้วสุขใจจริงๆ แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
 
“กลับมาสู้ใหม่ก็ยังไม่สาย”
มันไม่ใช่ว่าคุณกำลังหนีปัญหา แต่มันคือการเติมพลังงาน รักษาหัวใจให้แข็งแรง เราไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่ง ฝืนสภาพหัวใจตัวเองรับมือกับปัญหาต่างๆที่เข้ามาเพราะนอกจากมันจะไม่ดีขึ้นแล้ว มันยังทำร้ายตัวคุณให้อ่อนแอลงไปอีก เมื่ออ่อนแอเราแค่ยอมรับและซ่อมแซมมัน ก็เหมือนกับรถยนต์ หากเครื่องยนต์ชำรุดเสียหาย มันคงวิ่งต่อไปได้ไม่ดีและเป็นอันตราย เราจึงต้องนำมันเข้าอู่ไปซ่อมแซมให้กลับมาวิ่งได้อีกครั้ง หัวใจของเราก็เช่นกัน
 
ต่อให้การกลับบ้านจะอยู่ได้ใช้เวลาแค่ 1 วัน หรือไม่กี่ชั่วโมง มันก็คุ้มค่าที่จะกลับไปเยียวยาหัวใจและเติมเต็มความสุขที่ถูกบั่นทอนจากปัญหาต่างๆ เพื่อพร้อมออกไปเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างแข็งแกร่ง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0