HUAWEI ตาย(ยาก)?

จากกรณี ที่รัฐบาลสหรัฐมีมาตรการขึ้นบัญชีดำกับทาง HUAWEI ในการทำธุรกิจกับบริษัทสัญชาติอเมริกัน เป็นผลมาจากการทำสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนและการอ้างว่า HUAWEI เป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ ก็มีบริษัทเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำธุรกิจกับ HUAWEI ไม่ว่าจะเป็น Google, Intel, Qualcomm, Broadcom, ARM ล้วนแล้วแต่ออกมาประกาศแบน HUAWEI นั้น

ส่งผลให้ทาง HUAWEI ตอบโต้ด้วยการงัดระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมาชื่อว่า Hongmeng ที่ซุ่มพัฒนาไว้ตั้งแต่ปี 2012 มาแทนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ของ Google อีกทั้งจะไม่จัดส่งแร่ แรร์เอิร์ธซึ่งเป็นแร่หายากในการผลิตชิปให้กับสหรัฐฯ

เราจะมาสรุปอาวุธในมือของ HUAWEI ให้ฟังกันครับ

♦ HUAWEI แอบซุ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการ Hongmeng

HUAWEI พัฒนาระบบปฏิบัติการ Hongmeng ขึ้นมา นั่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมั่นใจว่า “ข้าไม่ได้กลัวสหรัฐฯ เลยสักนิด” สงครามครั้งนี้ข้าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ Hongmeng จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเมื่อรันออกมาแล้วจะสู้ แอนดรอยด์ ได้!! แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีในการต่อสู้ครั้งนี้ เนื่องจากฐานลูกค้าสำคัญของ HUAWEI ก็คือ ประเทศจีน ซึ่งกิน 51% ของรายได้ทั้งหมดของ HUAWEI โดยประเทศจีนไม่ได้ใช้บริการของ Google อยู่แล้ว การพัฒนา Hongmeng OS จึงเป็นก้าวสำคัญที่ HUAWEI อาจจะทำสำเร็จได้ แต่คงต้องใช้เวลาในการสร้าง Ecosystem ต่อไป

♦ จีนมี แร่ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) มากที่สุดในโลก

แร่ แรร์เอิร์ธ เป็นกลุ่มธาตุโลหะหายาก 17 ชนิด ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีมากมาย ไม่ว่าเป็นชิปคอมพิวเตอร์ ชิปโทรศัพท์ แบตเตอรี่ กล้องถ่ายรูป โทรทัศน์ อุปกรณ์ใยแก้วนำแสง อุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงอาวุธต่าง ๆ อีกจำนวนมาก โดย แร่ แรร์เอิร์ธ ที่ผลิตได้ทั่วโลกมากกว่า 90% มาจากประเทศจีน บริษัทไอทีสหรัฐฯจำนวนมากต้องนำเข้าแร่ชนิดนี้จากจีน เพื่อนำมาผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด จึงเป็นหนึ่งในอาวุธที่สำคัญที่สุดที่ทางการจีนจะตอบโต้สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ในครั้งนี้

♦ 5G ล้ำ ครบวงจรและราคาถูก

Huawei ถือเป็นผู้บุกเบิกกระบวนการรับส่งข้อมูลแบบ 5G โดยเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาด้านนี้มาตั้งแต่ปี 2009 และเป็นบริษัทเดียวในปัจจุบันที่มีอุปกรณ์โครงข่าย 5G จำหน่ายแบบครบวงจรทั้งชิปเซ็ต อุปกรณ์ ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ นั่นทำให้เห็นว่า HUAWEI มีอุปกรณ์โครงข่าย 5G ที่มีศักยภาพ ล้ำหน้ากว่าใคร และแถมยังราคาถูก ทำให้ HUAWEI สามารถทำสัญญาวางโครงข่าย 5G ในหลายประเทศทั่วโลกแล้วเกิน 40 สัญญา จึงเป็นสิ่งที่ทำให้สหรัฐฯ กลัวเป็นอย่างยิ่ง

♦ ถ้าทำเองได้ทั้งหมด อาจจะเติบโตแซงหน้า อเมริกา

ผู้ผลิตชิ้นส่วน ส่วนประกอบต่างๆ ภายในสมาร์ตโฟน และสมาร์ตดีไวซ์ต่าง ๆ ของ Huawei เป็นบริษัทอเมริกันถึง 33 บริษัท ซึ่งนั่นจะเป็นแรงผลักดันให้จีนผลิตเทคโนโลยีในประเทศเองทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันจีนก็มีฐานการผลิตเทคโนโลยีที่พร้อมทุกส่วนอยู่แล้ว อีกทั้งมีข่าวว่า ทาง HUAWEI ได้ประสานผู้ผลิตใหม่จนครบทุกชิ้นส่วนแล้ว และไม่มีปัญหาใด ๆ ที่จะกระทบต่อไทม์ไลน์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ HUAWEI เลย โดยมองว่าในตอนแรกอาจจะทำให้ต้นทุนสูง และคุณภาพอาจจะด้อยกว่า แต่ระยะยาวอาจจะเติบโตได้ดีและอาจมีคุณภาพมากว่า

ความเสี่ยง

♦ ARM บริษัทออกแบบชิปเซ็ท ได้ยกเลิกทำธุรกิจกับ HUAWEI

ARM บอกเลิกทำธุรกิจกับ HUAWEI นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของ HUAWEI เนื่องจาก ARM คือเจ้าของสิทธิบัตรออกแบบ CPU สำหรับสมาร์ตโฟนทั่วโลก โดยชิปประมวลผล KIRIN ที่ใช้บนสมาร์ตโฟนของ HUAWEI ใช้ใบอนุญาตของ ARM ในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ปัญหาใหญ่นี้อาจทำให้การผลิตสมาร์ตโฟนของ HUAWEI หยุดชะงักเลยก็เป็นได้ ด้าน HUAWEI ได้ออกมาแถลงในกรณีนี้ว่า HUAWEI มีใบอนุญาต ARMv8 ถาวรอยู่ในมืออยู่แล้ว นั่นหมายความว่าตอนนี้ HUAWEI ยังสามารถออกแบบและทำชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM ได้ตามปกติจนกว่า ARM จะนำสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ออกมา HUAWEI ก็จะไม่สามารถใช้งานได้แล้ว นั่นเป็นปัญหาที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าทาง HUAWEI จะผลิตและออกแบบชิปประมวล มาทดแทนได้หรือไม่

สรุป

การที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯปลดแบนให้ HUAWEI เป็นระยะเวลา 90 วัน อาจจะเป็นช่วงระยะเวลาในการเจรจาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย หากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ นั่นอาจเป็นปัญหาเทคโนโลยี ที่อาจจะลามไปเป็นสงครามเย็นตอบโต้กันไปมา ด้วยการใช้เศรษฐกิจมาเป็นอาวุธ และก็อาจจะเป็นโอกาสที่ให้แต่ละประเทศได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นมา เพื่อความมั่งคง ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของแต่ละประเทศก็เป็นได้

References : beartai.com

money.kapook.com

bbc.com/thai

droidsans.com

huawei.com/annual_report2018

thairath.co.th

news.ch3thailand.com

extremeit.com