[อธิบายเพิ่มเติมนะคะ : คอนเท้นนี้คือการเล่าประวัติศาสตร์ในรูปแบบใหม่ โดยจำลองว่าถ้าเป็นเราย้อนเวลาอยู่ในยุคอดีตจะต้องทำอย่างไร เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของคนสมัยนั้นค่ะ]
ตามละครหรือนิยายย้อนเวลาแล้วเรามักจะพบว่านางเอกชอบย้ายไปอยู่ในร่างคุณหนูโสดๆ ไม่ก็มีคู่หมั้นเป็นพระเอกแซ่บๆใช่มั้ย แต่….ถ้าเกิดฟ้าดินดันเล่นตลกเอาเราเข้าร่างอ่ำแดงอีปริก ที่มีผัวเมาหยำเป เผลอเป็นไม่ได้เล่นพนันติดหนี้เอาลูกไปขายขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง!!
อีแบบนี้การเรียนรู้ว่าสมัยก่อนเขา [หย่าร้าง] กันยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแล้ว จริงไหม?
ในบันทึกของลาลูแบร์ได้กล่าวถึงกรณีหย่าร้างเอาไว้ว่า สามีส่วนใหญ่ถ้าเจอภรรยาที่มุ่งมั่นตั้งใจจะหย่าจริงๆมักจะไม่ปฏิเสธ เขาจะต้องคืนเงินสินเดิมให้ และแบ่งลูกเท่าๆกัน ฝ่ายแม่ได้ลูกคนที่เป็นเลขคี่ (คนที่ 1 - 3 - 5 - 7 -….) ฝ่ายพ่อได้ลูกคนที่เป็นเลขคู่ (คนที่ 2 -4 - 6 - 8 - …) ไป กรณีที่เป็นลูกคนเดียว หรือเศษปัดไม่ลง แม่จะได้มากกว่าไปทันที เพราะในสมัยนั้นมองว่าผู้หญิงจะรัก ผูกพัน และเลี้ยงลูกของตนได้ดีกว่า นอกจากนี้ผู้หญิงยังต้องการอาศัยพึ่งพึงลูกของตนในอนาคตมากกว่าด้วย
เรื่องของการแต่งงานใหม่ ถ้าเป็นยุคปัจจุบันเราจะติดข้อกำหนดว่า [หญิงที่สามีตายหรือสิ้นสุดการสมรสด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่ได้เพมื่อผ่านพ้นไปไม่น้อยกว่า 310 วัน] เพื่อให้แน่ใจว่าเกิดถ้าท้องขึ้นมาจะได้ไม่ต้องมานั่งงงว่าลูกของผัวเก่าหรือสามีใหม่ แต่สำหรับยุคกรุงศรีอยุธยานั้น….ไม่จ้ะ ผู้หญิงสามารถมีสามีใหม่ได้ทันที เกิดป่องช่วงเวลานั้นแล้วสงสัยว่าลูกใคร ก็ให้เชื่อคำที่ผู้หญิงบอกเอา
เพราะงั้นเกิดเราเป็นอีปริกแล้วอยากแอ่วผู้ชายดีๆ ก็ให้รีบหย่าผัวเก่าตัวเองให้เรียบร้อยนะ เพราะบทลงโทษของหญิงเล่นชู้สมัยนั้นก็แรงเอาการอยู่ เขาจะจับหญิงคนนั้นมา เอาเฉลวปะหน้า ทัดดอกชบาสองหู ร้อยดอกชบาเป็นมาลัยให้สวม ยิ่งถ้าเล่นชู้หลายคนจะจับโกนหัวเป็นรูปกากบาท เอาขึ้นขาหยั่งแล้วประจานรอบตลาด ตีฆ้องร้องป่าวเรียกคนมาดู….พอๆกับแชร์ FB ประจานในยุคนี้เลยนะเนี่ย
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก ละครสะท้อนอะไร ได้ทุกวันพฤหัสบดี บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจละครสะท้อนอะไร
