ทั้งนี้ Google และ JD.com อธิบายว่าความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้ง โปรโมชั่นของ JD.com กับ บริการชอปปิ้งของ Google ที่จะช่วยให้ JD.com ขยายตลาดออกนอกประเทศจีนไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเริ่มต้นการทำธุรกิจในตลาดอเมริกาและยุโรปต่อไป
ข้อตกลงในครั้งนี้บ่งบอถึงวิสัยทัศน์ของ JD.com ในเรื่องความตั้งใจที่จะสร้างเครือข่ายของพันธมิตรเพื่อที่จะต่อกรกับ Alibaba ซึ่งแข็งแกร่งทั้งเรื่อง e-commerce และการขยายธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีนเป็นอย่างมาก โดยการรวมพลังกันครั้งนี้ของทั้งสองบริษัทจะทำให้ JD.om ก้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ส่วน Google เอง ก็จะได้ประโยชน์จากความรู้ด้านการจัดการขนส่งและการจัดการสินค้าคงเหลือที่ JD.com เชี่ยวชาญ
ผู้แทนของทั้งสองบริษัทกล่าวว่าความร่วมมือนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศจีนของ Google ซึ่งจีนยังเป็นประเทศที่บล็อคบริการต่างๆ ของ Google ทางฝั่ง Google ก็ยังไม่ยินยอมเซนเซอร์เนื้อหาบางอย่างในผลของการค้นหาตามกฎหมายท้องถิ่นของจีน
Google ได้เริ่มลงทุนมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่อัตราการเติบโตของชนชั้นกลางนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะว่าไปแล้วยังคงขาดแคลนของระบบสาธารณูปโภคในระบบค้าปลีก การเงินอยู่ และนั่นทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่แย่งชิงการเติบโตกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ทางอินเตอร์เน็ตอย่างสหรัฐฯ และ จีน
นอกจากนี้ Google ยังเพิ่งได้เริ่มลงทุนในแอปพลิเคชั่นเรียกรถอย่าง Go-Jek ในอินโดนีเซียอีกด้วย และยังไปลงทุนใน startup จากประเทศอินเดียอย่าง Flipkart อีกด้วย
แม้ว่า Google ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือของดีลกับ Flipkart และการลงทุนใน JD.com ครั้งนี้เป็นการลงทุนจากหน่วยปฏิบัติงานย่อยมากกว่าที่จะเกิดจากบริษัทแม่อย่าง Alphabet แต่ถึงอย่างนั้น Google จะได้รับหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ JD.com ตามข้อตกลงนี้ถึง 27.1 ล้านหุ้น ซึ่งคิดออกมาได้น้อยกว่า 1% ของหุ้นทั้งหมด
“การเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้กับ Google จะเปิดโลกของความเป็นไปได้ในประสบการณ์การขายปลีกที่เหนือกว่าให้กับคนทั้งโลก” กล่าวโดย Jianwen Liao รองกรรมการฝ่ายกลยุทธ์ของ JD.com กล่าว
