โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"Full Time Trader ชิวจริงไหม?" มาฟังอีกมุมนึงของ Full Time Trader

Stock2morrow

อัพเดต 24 ก.ย 2561 เวลา 08.09 น. • เผยแพร่ 20 ก.ย 2561 เวลา 07.34 น. • Stock2morrow
“Full Time Trader ชิวจริงไหม?” มาฟังอีกมุมนึงของ Full Time Trader

   กลับมาพบกันอีกครั้งใน My Way My Investment มาถึง EP.6 กันแล้วค่ะ บทสัมภาษณ์นี้เราพาเพื่อนๆมาพบกับอาชีพที่เหมือนจะใกล้ตัวพวกเราเหล่านักลงทุนกันมากทีเดียว แต่ภาพจำของสังคมที่ทำให้อาชีพนี้ถูกมองเป็นอาชีพที่สบาย #ชิว แท้จริงแล้วจะเป็นอย่างไรกัน? เรามาเริ่มทำความรู้จักอาชีพนี้ให้มากขึ้น และนำข้อคิด เทคนิคดีๆ จากการลงทุนของเขาไปใช้กันดีกว่า กับคุณเต้ พรหมพงษ์ แสงขำ ในอาชีพ Full Time Trader   

แนะนำตัว ชื่อ-นามสกุล และอาชีพปัจจุบันหน่อย

พรหมพงษ์ แสงขำ ชื่อเต้ครับ ปัจจุบันทำอะไรบ้าง? ผมมองทุกอย่างเป็นการเทรดและการลงทุน แปลว่า ผมมีอาชีพปัจจุบัน คือ Trader เทรดFOREX, เทรดTFEX, เทรดฺหุ้น และออมเงินในกองทุนครับ

เล่าชีวิตของตัวให้ฟังหน่อย แล้วเข้ามาเริ่มลงทุนได้ยังไง

            ขอท้าวความไปไกลหน่อยสมัยมัธยมต้น เป็นเด็กที่ไม่เรียนเลยครับ วันๆคือคิดแต่ว่ามาให้จบชั่วโมงเพื่อกลับบ้านไปเล่นเกมส์ (หัวเราะ) ทีนี้เกรดเฉลี่ยที่มันออกมาก ผมได้ที่โหล่ของโหล่อีกที เกรดเฉลี่ยผมคือ 0.13 หลังจากนั้นผมถามตัวเองเลยครับ ถ้าทำแบบนี้แล้วตก ต้องทำยังไงแล้วผ่าน เทอมต่อไปลองทำตรงกันข้ามครับ เกรดเฉลี่ยขึ้นมาเป็น 2.5 ได้ ก็เออเห้ยทำได้แล้วนิ! แต่นั้นแหละครับเป็นปัญหาของผม คือพอทำได้แล้วก็หยุด โอเคพอแล้ว เราอยากได้แค่ 2.5 ก็ทำแบบนี้จนเรียนจบ พอเข้ามหาลัย ผมได้เรียนคณะดนตรี คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ ที่นี่เป็นที่แรกที่ทำให้ผมรู้จักการลงทุน จำได้ว่ามีวิชาการตลาดของอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า นักดนตรีต้องอย่าลืมออมเงินในหุ้น วันนั้นอาจารย์บอกว่าให้ออมเงินในหุ้นโรงพยาบาล ผมเชื่อนะครับ แต่ผมไม่มีเงิน คือโรงบาลที่อาจารย์แนะนำในยุคนั้นคือ โรงพยาบาลรามคำแหง ราคาตอนนั้นอยู่ที่หลักร้อย ทุกวันนี้สูงสุดที่ผมเห็นอยู่ที่ 4,800 จริงๆแล้ววันนั้นเราได้ฉุกคิดแล้วนะครับ แต่ก็ยังเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ธุรกิจแรกของผมที่ทำเป็นธุรกิจดนตรี ซึ่งเจ๊งครับ ก็เลยกลับมาเรียน เพื่อให้ข้ออ้างกับตัวเองจะได้ยืดเวลาการทำงานของตัวเองออกไป เพราะที่บ้านผม การศึกษาเป็นอย่างเดียวที่ที่บ้านให้ได้ ผมเรียนปริญญาโทหลักสูตรที่เรียกว่า ผุ้ประกอบการและนวัตกรรม ที่มหิดลครับ ที่นี่ทำให้ผมรู้จักการลงทุนในหุ้น และมันเหมาะกับเรา แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มลงทุนนะครับ สุดท้ายไปทำงานที่นึงก่อน เป็นบริษัททำงานเกี่ยวข้องกับรัฐบาล พอไปทำ เจ้านายผมครับแค่ประมาณชม.กว่าๆ ระหว่างไฟลท์บินจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ พอร์ตเขาโตได้เลย 100% วันนั้นเป็นวันที่ผมตอบเลยว่า TFEX คือการลงทุนที่จะตอบโจทย์ชีวิตของผมได้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มต้นลงทุนTFEX และทำงานประจำไปพร้อมๆกัน ทำงานเก็บเงินและมาลงทุน
            หลังจากนั้นมีช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 โรงงานคุณพ่อเกิดปัญหาก็เลยต้องออกมาช่วยที่บ้าน ทำกับที่บ้านอยู่ 4 ปีได้ครับ ปัญหาคือผมเร่ง ผมรีบ ผมมองอย่างเดียวว่า อยากให้ธุรกิจของที่บ้านเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ลืมไปว่าเราคนเดียวทำไม่ได้ เราเร่งเรารีบอยู่คนเดียว คนอื่นไม่ได้ชอบ คุณพ่อกับผมคิดไม่เหมือนกันเพราะเป็นคนคนละยุค เป็นจุดที่ทำให้ผมออกมาเป็น Full Time Trader ครับ

ทำงานมาหลายอาชีพมาก แต่ละอันมีจุดเด่นและข้อจำกัดยังไง และสอนอะไรเราบ้าง
ส่วนใหญ่ลักษณะงานที่ผมทำ จะเป็นเซลล์หรือมาร์เกตติ้ง และการพบเจอผู้คน สิ่งที่ผมเจอเรียน ได้เรียนรู้ คือผมชอบที่เข้าไปคุยกับคนและแก้ปัญหาให้เค้า ทุกอาชีพสอนผมได้อย่างหนึ่งเหมือนๆกัน คือการเป็นอาชีพนั้นที่ดี เช่นผมเป็นเซลล์ การเป็นเซลล์ที่ดีคือ ไม่โกงลูกค้า ไม่คิดราคาแพงเกินไป ไม่เอาของคู่แข่งไปขาย นั้นคือการเป็นเซลล์ที่ดี แล้วถ้าเราเป็นเซลล์ที่ดีแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างจะตามมา ทั้งของ ทั้งลูกค้า คุณจะได้มาตามเอง และจะเป็นไปตามเป้าเสมอ อันนี้คือในมุมผมครับ อีกข้อคือได้เรียนรู้คือเรื่องอารมณ์ ทำงานกับเจ้านายเป็นคนนอก ทุกๆวันเราทำในสิ่งที่เป็นไปตามแผนหมด ในขณะที่มาทำงานกับที่บ้าน เราเร่ง เรารีบทุกวัน ตอนนอนฝันอีก 5 ปีข้างหน้าเราได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมันเป็นจริงไม่ได้เพราะเราไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เราแค่ฝันไปครับ อาชีพสุดท้ายผมบอกว่า เป็น Full Time Trader เริ่มเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว มันสอนอะไรผมเยอะนะครับ มีช่วงที่ผมไม่ได้กำไร 4-5 เดือน ติดๆกัน ถ้าผมไม่ได้วางแพลนแต่แรก และมีเงินมากพอผมคงต้องเครียดมากแน่ๆ แต่แน่นอนครับ ผมรอดเพราะผมวางล่วงหน้าเป็นปีๆ กับการที่ผมจะออกมาเทรดอย่างเดียว ผมต้องเตรียมอะไรบ้าง ออมเท่าไหร่ ที่จะบอกก็คือ ชั่งน้ำหนักดีๆ อะไรที่คุณจะเสีย และอะไรที่คุณจะได้ครับ

ขยายความของอาชีพ Full Time Trader ครับว่าคืออะไร วันๆยุ่งมากไหมครับ มีเวลาว่างนั่งชิวมากเหมือนอย่างที่บางคนเข้าใจไหม?
เป็นสิ่งที่ทุกคนชอบคิดว่า  Full Time Trader  คือคนที่ไปนั่งร้านกาแฟดีๆ นั่งสบายๆ นั่งเทรดชิวๆ จริงๆก็คงมีแบบนั้นได้บ้าง แต่เข้าใจใช่ไหมครับ Full Time คือคุณต้องเทรดแล้วได้ตัง ถ้าไม่ได้เทรดคือไม่ได้ตัง แปลว่าถ้าคุณชิวอยู่ คุณไม่ได้เทรด คุณก็ไม่ได้ตังค์ ภาพที่สื่อมองในสังคม Full Time คือสบาย แต่ลองคิดภาพตามนะครับ สมัยผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผมต้องแบก Notebook ไปด้วย เช็กตลาดอยู่ตลอดเวลา เพราะผมไม่อยากพลาดสัญญาณที่ดี ต้องตามติดตลอดมันเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ได้เห็นแต่ผมต้องทำครับ คำว่า Full Time Trader  คือคุณเทรดตลอดเวลา คุณต้องคิดถึงการลงทุนตลอดเวลา ถ้าตลาดใดตลาดหนึ่งไม่ดี คุณต้องพร้อมที่จะโยกเงินไปได้ตลอดเวลา แปลว่าคุณต้องตามติดและคิดตามอยู่ตลอดครับ

จุดแข็งจุดอ่อนของอาชีพนี้ Full Time Trader
ข้อดี คือเวลามันยืดหยุ่นมากกว่าคนอื่นมากจริงๆ แต่ต้องย้ำว่า ถ้าคุณไม่เทรด คุณไม่ได้ตังค์นะครับ ทำอาชีพนี้ต้องจัดการและวางแพลนชีวิตตัวเองให้แน่นอน ถ้าในหน้าสื่อ หรือ facebook ต่างๆ คุณจะเห็น  Full Time ไปเที่ยวต่างประเทศ ลงรูปชีวิตดีๆ ผมก็เคยไปเที่ยวต่างประเทศและลงรูปแบบนั้นครับ มันคือเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคือผมแบก notebook และเข้าดูตลาดเช้า,กลางวัน,เย็น เพื่อเทรดTFEX ผมไม่อยากพลาดสัญญาณที่ดีแม้แต่สัญญาณเดียว ซึ่งถ้าตอนนั้นผมไม่ได้ทำแบบนั้นคงพลาดโอกาสที่จะได้กำไรรอบใหญ่ นั่นหมายความว่าผมต้องตามติดกับตลาด ผมเชื่อว่าที่เพื่อนๆเห็นมันเป็นแค่ส่วนนึงที่คนทำ Full Time มีเวลาและมีความสุขในช่วงเวลานั้นๆ ถ้าได้โอกาสลองมาคุยกับ Full Time จริงๆ จะรู้ว่าลึกๆแล้ว Full Time ทำงานหนักนะครับ ผมหยุดไม่ได้ ในทุกๆวันกลับมาต้องบันทึกต้องจด อะไรคือข้อดี หรือข้อผิดพลาดของการเทรดวันนี้ เหมือนต้องจดไดอารี่ทุกวันเพื่อให้มีข้อมูลวิเคราะห์ว่าทำไมถึงผิดพลาด จริงๆผมว่าทุกอาชีพมันหนัก คุณอาจจะแค่เห็นด้านที่เค้าสำเร็จแล้วแต่อย่าลืมว่าระหว่างทางมันไม่มีใครมาบอกว่าจริงๆมันยากลำบาก ที่ต้องตั้งคำถามคือ ถามตัวเองครับว่าจริงๆแล้วคุณชอบการเทรดไหม? ถ้าชอบก็ทำครับ แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ ก็คือได้ทำ ซึ่งยังไงมันจะเกิดผลดีกับตัวคุณเองแน่ๆครับ

ข้อเสีย คือต้องมีเงินลงทุนมากพอ ถ้ามาบอกผมว่า ผมเป็นเด็กจบใหม่ ปริญญาตรี มีเงิน 50,000 ถ้าจะเป็นFull Time ผมไล่ไปหาเงินก่อนเลยครับ ไปหาเงินมาซัก 500,000 ก็ได้ เทรดจริงๆอาจจะแค่ 1-2 แสน แต่ต้องมีเงินสำรอง 2-3 แสนเก็บไว้ใช้ แบบเนี้ยถึงจะไม่เครียดครับ ซึ่งความเครียดเนี่ยแหละครับเป็นข้อเสียหลัก ที่จะเกิดขึ้นและสะสมโดยที่คุณไม่รู้ตัว ถ้าคุณเคยได้กำไรมาทุกเดือนติดต่อกัน 1 ปี แต่ในวันที่กำไรมันไม่มา เดือนที่ 1 ไม่ได้, 2 ไม่ได้, 3 ไม่ได้ ความเครียด เดือนที่ 1 กับเดือน ที่ 3 มันต่างกันมากนะครับ แล้วถ้าเดือนที่ 6 ละ ซึ่งมันส่งผลต่อการตัดสินใจและเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะแย่แค่ไหน และอีกข้อหนึ่งเลย ที่คุณจะเสียคือความเป็นตัวตนของคุณเอง มนุษย์คือสัตว์สังคม ต้องมีพื้นที่ของตัวเอง มีโซเชียล มีสภาพแวดล้อม แต่ถ้าเป็นFull Time คุณจะอยู่หน้าจอเทรดตลอดเวลา และบางครั้งคุณจะมีเวลาเยอะเกินไป ซึ่งทำให้จิตตก ต้องไปหาอะไรทำนะครับ ผมเองก็ต้องไปสอนไปบรรยาย ไปเจอคน เพื่อรักษาสภาพจิตใจให้ดีขึ้น

ช่วงแรกๆเจออุปสรรคเยอะไหม แล้วปัญหาที่พบบ่อยๆตอนซื้อขายใหม่ๆคืออะไร
ครั้งแรกที่เริ่มต้นคือเริ่มต้นเล่นTFEXแล้วเสียตังเลย ครั้งแรกที่ได้ยิน คือ มันแทงขึ้นกับแทงลงครับ ผมก็ทำแค่นั้นเลย ตั้งเป็นเป็นสถิติเล่นๆว่า ถ้าวันนี้เล่นขึ้น พรุ่งนี้จะเล่นลง เล่าเป็นเรื่องตลกนะครับ ผ่านไปสองอาทิตย์ ปรากฎว่าดันกำไรขึ้นมา 40% แต่หลังจากนั้นเจ๊งครับ หมดตัว ก็ต้องเริ่มใหม่แล้วครับเพราะว่าเจอปัญหา ผมอยากให้ทุกคนคิดแบบนี้นะครับ  เวลาเจอปัญหาไม่ว่าทำอะไร หรือแม้กระทั่งการเทรดที่ขาดทุน ก็คือ ทำยังไงถึงจะไม่เป็นแบบนี้อีก ที่เราขาดทุนเนี่ย และคนที่กำไรเขาเป็นใคร  ตัวผมคิดแบบนี้ ผมก็เลยเริ่มศึกษาและเรียนคอร์ส ยุคก่อนคอร์สฟรีแบบนตอนนี้ไม่ค่อยมีนะครับ ต้องหาเอง เรียนกับฝรั่งบ้าง คนไทยบ้าง แพงแค่ไหนก็ต้องเรียน ควรไปเรียนรู้มาก่อนแล้วค่อยมาเลือกว่าอะไรที่เราเรียนรู้มาแล้วเราอยากทำ ถ้าเกิดว่าไปเรียนอย่างหนึ่งแล้วมาใช้เลยเนี่ย ผมว่าเด๋วมันจะพังเอานะครับ ไปเรียนมาเยอะๆ แล้วเลือกแบบที่ชอบในการลงทุนดีกว่าครับ

ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในการลงทุนคืออะไร และผ่านมาได้เพราะอะไร
ความผิดพลาดจากการลงทุนของผม ทั้งหมด 3 ครั้งครับ 2 ครั้งจากTFEX แล้วอีกครั้งกับ FOREX ต้องบอกก่อนว่าครั้งที่ร้ายแรงที่สุด เป็นครั้งที่ผมมีระบบเทรดที่ดีและมีวิธีการ มีความมั่นใจ มีกำไรและมีเงิน ดูเหมือนจะดีทุกทุกอย่าง ทำไมละ? เพราะครั้งนั้นผมมีความโลภ และความหลง ผมหลงตัวเอง และเที่ยวด่าคนอื่นไปทั่วว่าผมเก่งกว่า ระบบผมดีกว่า ทำให้ผมมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ และเริ่ม overtrade โดยไม่รู้ตัว สิ่งที่แย่กว่าการ overtrade คือรู้ทั้งรู้ว่า overtrade แต่ก็ทำ ตอนนั้นคือเงินหลักล้านเหลือไม่ถึงแสน เพราะเหตุการณ์นี้ มันคืออีโก้และอารมณ์ล้วนเลยครับ ถ้าเราทำกำไรได้มันก็เพียงแค่การทำกำไรแต่ละครั้งอย่าไปอวยว่าตัวเองเก่ง เดี๋ยวกำไรมันก็ขาดทุน เดี๋ยวขาดทุนมันก็กำไรครับ

อะไรคือจุดที่เรามั่นใจว่า เราสามารถผันตัวมาเป็น Full Time Trader ได้แล้ว
เริ่มคิดอยากเป็น  Full Time Trader ตอนทำงานกับที่บ้าน ปีที่ 3  เริ่มจากคิดว่า จะมีเงินเท่าไหร่? วางแผนยังไง? ใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่? เก็บเดือนละเท่าไหร่? ออมได้เท่าไหร่? สุดท้ายคือมีเงินเป็นหมอนรองไว้ 2 ปี และมีเงินก้อนไว้ลงทุน พอครบแล้วก็ออกเลยครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนคนนึงถ้าออกมาแล้วเจ๊ง ก็ยังมีเงินออมอยู่นะ แต่ถ้าออกมาแล้วไม่เจ๊งหมายความมีเงินเพิ่มถูกไหม ก็แค่นี้เลยครับ ถ้าเรามีความเสี่ยงที่เราคุมอยู่ ที่เหลือกำไรเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ออกมาทำเพื่อรอกำไร เหมือนการออกทำธุรกิจนึง สมมตุิเป็น SME บอกไม่ได้ว่าถ้าทำแล้วจะเจ๊งไหม แต่ออกมาทำก่อนแล้วกัน  

            สำหรับFull Time Trader ปีแรกของผม คือเริ่มงานตีสี่ ได้งีบนิดหน่อยช่วงสายๆ และทำงานต่อถึงห้าโมง เป็นแบบนี้อยู่ 1 ปีครับไม่เจอใครเลย เพราะอยากรู้ว่าตัวเองจะทำได้จริงๆไหม หนักสุดเลยคือมีช่วงที่ดูตลาดวันละ 13 ชม. แต่กำไรที่ได้ ไม่ดีเลยครับถ้าเทียบกับการลงทุนระยะยาว

สุดท้าย ฝากแง่คิดและหลักปฏิบัติ กับนักลงทุนรุ่นใหม่ และคนที่ยังไม่เริ่ม
สำหรับคนที่ยังไม่ลงทุน ถ้าวันนี้คุณยังไม่กล้า อีก 10 ปีก็ไม่กล้าครับ เงินคุณจะเยอะขึ้น ความกลัวก็มากขึ้นด้วย สมมุติว่าวันนี้มีเงิน 100 % ลงทุนแค่นึง 1 % หรือ 10 % มาทดลอง ถ้าคุณเปลี่ยนเงิน10,000 เป็น15,000 ได้ คุณก็เปลี่ยนเงิน 100,000 เป็น 150,000 ได้เหมือนกัน เอามาลองก่อน มันเหมือนการออกกำลังถ้าไม่โดนจุดก็ไม่ได้ผล หลายคนบอกว่าไม่อยากจ่ายค่าเรียนเพราะว่าแพง ต้องบอกว่า ของดีไม่ฟรี และของฟรีไม่ดีครับ อย่างข้อมูลที่เห็นในอินเตอร์เน็ตเพื่อนๆคิดว่าเชื่อถือได้แค่ไหนที่บอกว่าวิธีนั้นวิธีนี้ดี วิธีการคือควรไปดูมาตามอินเตอร์เน็ต แล้วมาทดลองพอ มันไม่ดีตัดทิ้ง ถึงเรียกว่าเป็นวิธีที่ใช้ได้ แต่ถ้าอยากเร็วกว่านั้นการจ่ายเงินไปเรียน มันเหมือนคุณซื้อผลการทดลองของคนอื่นที่เขาทำมาแล้ว จากที่ต้องทดลองเอง 5-10 ปี ก็เหมือนเหลือแค่ ครึ่งปีครับ สำหรับมือใหม่เลย ที่ต้องทำคือถามตัวเองว่าชอบไหม ถ้าจะลองก็เรา 1-10 % ไปลองเรียนดูก่อนเพราะว่าถ้าไม่ใช่การลงทุนที่เหมาะกับคุณ คุณหยุดได้ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วครับ

 

 

stock2morrow

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่ LINE@stock2morrow, FB:stock2morrow และ www.stock2morrow.com 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0