หากจะเอ่ยถึงบริษัทที่ประกอบธุรกิจเพียงหนึ่งเดียว หรือบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ไม่เป็นสองรองใครนักลงทุนคงพอจะนึกได้คร่าวๆว่ามีบริษัทไหนบ้าง และทำธุรกิจอะไรบ้าง แต่หากใครนึกไม่ออกวันนี้ทาง Wealthy Thai จะมาเล่าให้ฟัง โดยเบื้องต้นสำหรับบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่ประกอบธุรกิจไม่ซ้ำกับใคร เป็นหุ้นที่ส่วนใหญ่นักลงทุนพอจะทราบข้อมูลพื้นฐานของบริษัทกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
โดยบริษัทที่ประกอบธุรกิจไม่เหมือนใครและเป็นที่รู้จักของนักลงทุนได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ,บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM,บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB,บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR,บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS และ บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG
ทั้งนี้ เราจะพานักลงทุนมาเจาะลึกถึงรายละเอียดกันแต่ละตัวว่าทำธุรกิจอะไรกันบ้างแล้วที่ว่าธุรกิจไม่เหมือนกับใครนั้นเป็นอย่างไร อันดับแรกเริ่มกันที่ AOT โดย AOT ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย โดยธุรกิจหลักประกอบด้วย การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน
AOT มีท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งนี้ ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ โดยในปี 62 ตลาดหลักทรัพย์ฯได้จัดอันดับพบว่า AOT เป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในแง่ของกลุ่มธุรกิจสนามบิน
ทั้งนี้หากดูในด้านของโครงสร้างรายได้ AOT พบว่าจะมีรายได้มาจากสองส่วนหลักๆคือรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน และรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน โดยรายได้ส่วนแรกนั้นมาจากค่าบริการผู้โดยสารขาออก ค่าบริการสนามบินค่า และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก ขณะที่รายได้ส่วนที่สองมาจากรายได้เกี่ยวกับการบริการ ค่าเช่าสำนักงาน และรายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์
ข้ามมากันที่ SISB ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน โดยได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัท 5 แห่ง ได้แก่ที่จังหวัดนนทบุรี เชียงใหม่ ธนบุรี สุวรรณภูมิ และประชาอุทิศ โดยมีนักเรียนภายในสังกัดมากกว่า 2,600 ราย
โดยรายได้หลักๆของ SISB มาจากรายได้ของค่าธรรมเนียมการศึกษา แบ่งเป็นรายได้จากการจัดการศึกษา และรายได้ค่าสมัครเรียนและค่าแรกเข้า สำหรับรายได้จากส่วนที่สองมาจากรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์การเรียนการศึกษา
มาต่อกันที่ THCOM ซ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ประกอบกิจการดาวเทียมรายได้แรกและรายเดียวของตลาดหุ้นไทย ซึ่ง THCOM เป็นหนึ่งในบริษัทเครือ INTUCH และ ADVANC โดยประกอบธุรกิจ ในกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2. ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 3. ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ โดยธุรกิจดาวเทียมปัจจุบันนี้มีการให้บริการดาวเทียมทั้งหมด 4 ดวง ได้แก่ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์), ดาวเทียมไทยคม 6/Africom 1,ดาวเทียม ไทยคม 7 และดาวเทียม ไทยคม 8
ขณะที่ BAFS เป็นบริษัทหนึ่งในเดียวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ประกอบธุรกิจให้บริการระบบจัดเก็บ และเติมน้ำมันสำหรับเครื่องบิน ซึ่งให้บริการในพื้นที่สนามบินดอนเมือง สนามบินสมุย สนามบินสุโขทัย สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินตราด โดยมีสายการบินระดับนานาชาติที่ใช้บริการ ดังนั้นจึงทำให้รายได้ของ BAFS ขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางการบิน และการเดินทาง
ด้าน TNR หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า Onetouch และมีการจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า Onetouch ขณะเดียวกันยังได้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY รวมถึงการใช้สิทธิ์ในการขายและการทำตลาดใน 188 ประเทศทั่วโลก (Global License) จาก PLAYBOY ENTERPRISES INTERNATIONAL, INC. อายุสัญญา 10 ปีและต่อสัญญาอัตโนมัติทุกๆปี ถือเป็นรายแรกที่ได้รับสิทธิ์การต่ออายุสัญญาตลอดชีพ
สำหรับ YGG หรือ บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจออกแบบและจัดทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเกี่ยวกับงานโฆษณา ภาพยนตร์ และเกม สำหรับผลงานที่สร้างชื่อและเป็นสิ่งที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักเกมของคนไทย แลเถือเป็นเกมผีสัญชาติไทยเกมหนึ่งได้เปิดตัวต่อตลาดเกมโลก นั่นคือ Home Sweet Home นอกจากนี้ยังฝากผลงานการเป็นส่วนหนึ่งในการผลิต CG จากซีรี่ส์ Original Netflix เรื่อง 'The Stranded' หรือ 'เคว้ง'อีกด้วย
