พลันที่มีการเปิดประชุมสภา ไม่ว่าจะเป็นวุฒิสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร ภาพ 2 ภาพที่แตกต่างกันในทางการเมืองก็จะปรากฏ ณ เบื้องหน้าประชาชน
มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างภาพของวุฒิสภากับภาพของสภาผู้แทนราษฎร
เหมือนกับ 1 เรียบร้อยราบรื่น 1 ปั่นป่วน วุ่นวาย
นั่นก็เพราะสมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งโดยอำนาจสิทธิขาดอยู่ที่คนๆเดียว หรือคณะๆเดียว
ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจาก”การเลือกตั้ง”
ภาพของ ส.ว.จึงสงบอย่างราบคาบ ภาพของ ส.ส.จึงสงบอย่างเรียบร้อยในท่ามกลางความแตกต่างทางความคิด
ภาพของ ส.ส.จึงเป็นภาพที่น่าศึกษา วิเคราะห์
น่าศึกษาตั้งแต่เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รับฟังคำสั่งจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะส.ส.
ท่าทีของ นายชัย ชิดชอบ ในฐานะ”ประธาน”
ด้านหนึ่ง เปิดโอกาสให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวคำมั่นที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง อันไม่เพียงแต่แสดงความใจกว้างใน ฐานะประธานซึ่งเป็นนักการเมืองด้วยกัน
หากยังแสดงความเมตตาในฐานะที่เป็นนักการเมืองอาวุโส
ขณะเดียวกัน ภาพของ ส.ส.บางคนจากพรรคพลังประชารัฐ ที่สำแดงความกราดเกรี้ยว ดุดัน ไม่ยอมให้โอกาส นายธนาธร จึง รุ่งเรืองกิจ แม้เพียงวินาทีเดียว
ก็สะท้อนให้เห็นความเคียดแค้น ชิงชังในทางการเมืองอย่างเด่นชัด ยิ่งเมื่อเห็นอาการของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทั้งชายและหญิงที่แสดงปฏิกิริยาต่อข้อหารืออันมาจาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช แห่งพรรคอนาคตใหม่
ยิ่งเห็นความใจแคบและความไม่เข้าใจในทัศนคติทางการเมืองซึ่งมีความแตกต่างในทางความคิด
ต้องยอมรับว่าแต่ละภาพเปรียบเทียบที่ปรากฏ 1 สะท้อนให้เห็นรูปแห่งการเมืองใหม่ อันมาจากคนรุ่นใหม่ 1 สะท้อนการดำรงอยู่ของการเมืองเก่า ก่อนหน้านี้การปะทะในลักษณะนี้ก็เคยมีให้เห็น
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาในยุคหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนา คมสะท้อนจุดแผกแตกต่างออกมาอย่างร้อนแรง
เท่ากับมาพร้อมกับการแจ้งเกิดของพรรคอนาคตใหม่