พลันที่ป้ายผ้า”เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”ปรากฏขึ้นณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ก็เท่ากับส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างเด่นชัด
เป็นสัญญาณเหมือนกับปฏิบัติการฉายแสงเลเซอร์อันตามมาด้วย # ตามหาความจริง
อันส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 เมื่อ 10 ปีก่อนด้วยความคึกคัก เข้มข้น
เป็นการเชื่อมประสานและส่งมอบความรู้สึกระหว่าง”คนเสื้อ แดง” อันเป็นคนอีกรุ่น กับ “คนรุ่นใหม่” ซึ่งเกิดและโตในยุครัฐประหารติดต่อกัน จากเดือนกันยายน 2549 มายังเดือนพฤษภาคม 2557
เป็นการเคลื่อนไหวทาง”ความคิด” มิใช่การเคลื่อนไหวทาง”การเมือง”
การเคลื่อนไหวในทาง “ความคิด” แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวในทาง “การเมือง”อย่างไร
แตกต่างตรงที่เป็นปฏิบัติการ”ปักธง”ในทาง”ความคิด”
ดำเนินไปเหมือนกับคำขวัญของ”กลุ่มวรรณกรรมเพื่อชีวิต”ที่ดำเนินการเคลื่อนไหวในห้วงก่อนสถานการณ์เมือ่เดือนตุลาคม 2516
นั่นก็คือ ปฏิวัติทาง”ความคิด” ติดอาวุธทาง”ปัญญา”
ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการฉายแสงเลเซอร์ถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการติดป้ายผ้า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
เสมอเป็นเพียงการรื้อฟื้นเหตุการณ์ใน “อดีต” มาเพื่อให้คนในยุค”ปัจจุบัน” ได้รับรู้และฉุกคิด
ฉุกคิดไปถึงเหตุการณ์เหล่านั้นเพื่อเป็นบทเรียน
เป็นการเติม “ข้อมูล” บนพื้นฐานแห่งความเรียกร้องต้องการที่จะ # ตามหาความจริงอันมีการปิดบังซ่อนเร้นอยู่ในสังคม
เป็นความจริงในเดือนพฤษภาคม ไม่ว่าปี 2504 หรือ 2553
เนื่องจากปฏิบัติการ # ตามหาความจริง คือความพยายามทะลุทะลวงไปในความจริงที่มีการปิดบัง ความจริงที่มีการซ่อนเร้น จึงก่อความตื่นตระหนกเป็นอย่างสูง
จึงได้เห็นเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร ทั้งในและนอกเครื่อง แบบออกมาสกัดขัดขวาง
มองเห็นเป็นการชุมนุมในทางการเมืองอันน่าหวาดกลัว
ทั้งๆที่เสมอเป็นเพียง “ป้ายผ้า” ทั้งๆที่เสมอเป็นเพียงการฉายแสง
เสมอเป็นเพียงปฏิวัติทาง”ความคิด” ติดอาวุธทาง”ปัญญา”