กรณีของพรรคอนาคตใหม่ได้สร้างความแจ่มชัดในทางการเมืองมากยิ่งขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ
แจ่มชัดมากกว่ายุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
แม้ว่ากระบวนการและองค์ประกอบจะเป็นระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับบรรดา”นักร้อง”อันมีความหลากหลาย และปราการด่านสุดท้ายที่ต้องปะทะคือ องค์กรอิสระ
องค์กรอิสระอันกระทำไปในนามของ”กฎหมาย”
ในยุคพรรคไทยรักไทย ในยุคพรรคพลังประชาชนอาจยังมีเครื่อง ถนิมพิมพาภรณ์ตกแต่งปิดบังสร้างความเคลือบคลุมสงสัย แต่ในยุคของพรรคอนาคตใหม่กลับมีความแจ่มชัด
รู้กันอยู่ทั้งบ้านทั้งเมือง รู้กันทั้งในขอบเขตทั่วโลกว่าพรรคอนาคต ใหม่กำลังสู้อยู่กับอะไร
ในยุคพรรคไทยรักไทยโดยภาพอาจมองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ อาจมองไปที่คณะทหารที่ก่อรัฐประหาร อาจมองไปที่สิ่งซึ่งเรียกว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
แม้เมื่อผ่านรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มาแล้วก็ยังไม่แจ่มชัดว่าการดำรงอยู่ของกลุ่มกุมอำนาจประกอบส่วนขึ้นอย่างไร
รับรู้แต่เพียงว่าไม่ต้องการให้พรรคไทยรักไทยดำรงคงอยู่
กระนั้น เมื่อผ่านรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ภาพของกลุ่มผู้กุมอำนาจก็เริ่มแจ่มชัด มองเห็นการลดทอนบทบาทของพรรคประชา ธิปัตย์ มองเห็นการเพิ่มบทบาทของพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งเมื่อมีการเล่นงานพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่องภาพขยายของกลุ่มกุมอำนาจก็เริ่มเป็นตัวเป็นตน ว่าแท้จริงแล้วกองทัพก็ดี องค์กรอิสระก็ดีเสมอเป็นเพียงเครื่องมือ
และตัวแทนอันโดดเด่นย่อมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต้องยอมรับว่าภายหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 ภายในกระบวนการต่อสู้ทางการเมืองมีความแจ่มชัดเป็นอย่างมาก
นั่นก็โดยการยืนเด่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยและพันธมิตรยังถือได้ว่าเป็นคู่ต่อกรที่ยังเหนียวแน่นกับกลุ่มอำนาจอันมีพื้นฐานจากรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน ก็มีพรรคอนาคตใหม่เพิ่มมาเป็นอีกตัวละครหนึ่ง
การเล่นงานพรรคอนาคตใหม่จึงขับเน้นให้เห็นการปะทะขัดแย้ง ในทางการเมืองที่เปิดหน้าชกกันอย่างตรงไปตรงมา
ใครที่คิดมาขวางทางก็มีโอกาสที่จะต้องเป็นไป
เป็นไปเหมือนที่พรรคไทยรักไทยประสบ เป็นไปเหมือนที่พรรคพลังประชาชนประสบ
เพียงแต่ ณ วันนี้ เป็นคิวของพรรคอนาคตใหม่