สถานะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ สถานะของการบินไทย กำลังเป็นคู่เปรียบเทียบอันแหลมคมยิ่งโดยมีความสำ เร็จทางด้านเศรษฐกิจเป็นตัวชี้ขาด
เพราะหากสามารถพลิกฟื้นสถานะทางเศรษฐกิจของการบิน ไทยจากที่เคยเสื่อมทรุดให้มีอนาคตขึ้นมาได้
นั่นหมายถึงผลกำไร นั่นหมายถึงผลตอบแทนที่มีความหวัง
ในเมื่อการจัดทีมเข้าไปฟื้นฟูการบินไทยอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสำเร็จของการบินไทยจึงเท่ากับเป็นความสำเร็จของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่งหากมิได้เป็นความสำเร็จ หากกลายเป็นความล้มเหลว ความรับผิดชอบนั้นย่อมตกอยู่กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
อนาคตของ “การบินไทย” กับอนาคตของ”รัฐบาล”กับอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ปมอันเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังขบคิดอย่างหนักในขณะนี้ก็คือจะมอบ ความไว้วางใจในการพลิกฟื้นสถานะของการบินไทยให้อยู่ในความรับผิดชอบของใคร
เหมือนกับมีข่าวปล่อยออกมาเป็นลำดับว่าจะมอบความรับผิดชอบให้กับ นายวิษณุ เครืองาม
ข่าวนี้สำคัญเป็นอย่างมากในทาง “การเมือง”
เพราะเท่ากับว่า 1 รัฐบาลมอบความไว้วางใจให้กับ “มือกฎ หมาย” เพราะ นายวิษณุ เครืองาม คือ รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านกฎหมายของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน 1 เท่ากับว่ารัฐบาลปฏิเสธบทบาทของ นายสม คิด จาตุศรีพิทักษ์ อันเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบทางด้าน เศรษฐกิจไปโดยอัตโนมัติ
เท่ากับต้องการ “มือเศรษฐกิจ”อันเป็นคนอื่นซึ่งมิใช่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
นี่ย่อมเป็นผลสะเทือนต่อฐานะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เพียงรัฐบาลตัดสินใจเลือกระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม หรือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็มีส่วนอย่างสำคัญในการชี้ถึงแนวโน้มและ ทิศทางในอนาคต
1 อนาคตของการบินไทย 1 อนาคตของรัฐบาลอันหมายถึงอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพียงแต่ว่า “อนาคต”จะดำเนินไปอย่างไรเท่านั้น
เป็นอนาคตในแบบที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่นับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 หรืออนาคตในแบบที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562