ขณะที่พรรคเพื่อไทยเพิ่งเปิดประชุมใหญ่ ตามมาด้วยการประชุม ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อตระเตรียมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคอนาคตใหม่จัดงาน ฟิวเจอริสต้า เดินหน้า ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่
บรรยากาศก็เหมือนการจัดที่สวนเบญจกิติก่อนเลือกตั้ง
บรรยากาศก็เหมือนการจัดงานพรรคอนาคตใหม่ไฟแรงเฟร่อ ที่มีการประมูลของที่ระลึกจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
มีการขายของที่ระลึก มีการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่
เป็นเหมือนงานสังสรรค์ ครึกครื้นรื่นเริง มากกว่าเป็นงานของ พรรคการเมือง
นี่คือจุดต่างอย่างสำคัญของพรรคอนาคตใหม่
หากมองจากมุมตรงกันข้าม โดยเฉพาะสายตาของบรรดาลุงๆป้าๆ ฟิวเจอริสต้า ครั้งที่ 1 เหมือนกับเป็นการปลอบใจตัวเองของชาวอนาคตใหม่
เพราะมรสุมที่ซัดกระหน่ำมาจากทั้งคสช.และจากทั้งกกต.หนักหนาสาหัส
อาจรุนแรงถึงขั้นมีการยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง
บทสรุปนี้เป็นความจริง เพราะว่าสภาพที่พรรคอนาคตใหม่ประสบภายหลังการเลือกตั้งถือได้ว่าเป็นการต้อนรับน้องใหม่ที่ดุเดือดเข้มข้น
สะท้อนให้เห็นความต้องการไม่ว่าจะมาจากคสช.ไม่ว่าจะมา จากกกต.มีเป้าหมายเดียวกัน
นั่นก็คือ เตะสกัดขาพรรคอนาคตใหม่
กระนั้น พรรคอนาคตใหม่ก็มิได้ซึมเซา เหงาหงอย บ่นว่าชะตากรรม ตรงกันข้าม ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล กลับเดินหน้าเผชิญปัญหา
เป็นการเผชิญปัญหาด้วยการทำงานหนัก
บรรยากาศที่สะท้อนจากพรรคอนาคตใหม่จึงแสดงให้เห็นจุดต่างที่แผกไปจากพรรคการเมืองอื่น นั่นก็คือ มิได้ยุติอยู่ที่การเลือกตั้ง หากแต่ยังเดินหน้าต่อไป
เป้าหมายยังอยู่ที่การทำพรรคให้เป็นพรรคมวลชน
เป็นพรรคที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มิได้เป็นเหมือน”พรรค สภา” ที่ผูกติดอยู่เฉพาะเทศกาลเลือกตั้ง
นี่คือพรรคการเมืองใหม่ นี่คือพรรคการเมืองในอุดมคติ