ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคเดือน พฤษภาคม 2535
เมื่อสัมผัสกลิ่นอายของ FLASH MOB
ย่อมเกิดอารมณ์ “ร่วม” ในทางการเมืองโดยอัตโนมัติ และก็ยอมรับถึง “กระแส” และ “แนวโน้ม” ของการเปลี่ยนแปลงที่จะตามมาอย่างค่อนข้างเด่นชัด
นั่นก็คือ จะต้องเป็นไปตามบทสรุปของหลายคนในซีรีส์ GOTที่ว่า
“ฤดูหนาวกำลังจะมา”
เพียงแต่ยังบอกไม่ได้อย่างแน่ชัดว่า รูปโฉมและการมาเยือนของฤดูหนาวจะเป็นอย่างไร
ที่แน่ๆก็คือ ต้องมี”การเปลี่ยนแปลง”
หากดูจากการก่อรูปของสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 คล้ายกับจะมาจากความไม่พอใจหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514
ทั้งๆที่ความจริงสะสมมายาวนานกว่านั้น
หากดูจากการก่อรูปของสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 คล้ายกับจะมาจากความไม่พอใจในกรณี”เสียสัตย์เพื่อชาติ”
ทั้งๆที่ความจริงสะสมมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2534
ที่แปลกก็คือ ความรู้สึกภายใต้เสียงตะโกน”ออกไป ออกไป”ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน เมื่อตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม เหมือนกับจะมีรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นจุดเริ่มต้น
แต่ในความเป็นจริง เป็นความคับแค้นอันสะสมและต่อเนื่องตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และโยงสายยาวมายังการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562
ภายใต้ทศวรรษแห่งความมืดมนของสังคมไทย
จุดร่วมอันจะขาดมิได้ก็คือ จุดร่วมจาก “คนรุ่นใหม่” เพียงแต่เมื่อเดือน ตุลาคม 2516 คือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา
เพียงแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 คือ ม็อบ”มือถือ”
ขณะที่ FLASH MOBในเดือนธันวาคม 2562 เป็น MOB ในยุคแห่ง DIGITAL
เป็นยุคแห่ง SMARTPHONE
เป็นการประสานระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจประชาธิปไตย
เพียงแต่ยังตอบไม่ได้ว่า “ฤดูหนาว”จะยาวนานเพียงใด