ไม่ว่าจะเป็นการปรับฮวงจุ้ยภายในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนลายเซ็นของนายกรัฐมนตรี
ล้วนเป็น “อาการ” ในทางการเมือง
ยิ่งเมื่อโหราพยากรณ์อันแอบอิงกับฤาษีเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัยออกมายืนยันความแข็งแกร่ง มั่นคงของรัฐบาลคสช.
ยิ่งตอกย้ำว่า “อาการ” ในทางการเมืองค่อนข้างหนัก
ที่เคยอุปมาว่าเป็นรัฐบาล “เรือเหล็ก” เพราะมี 251 ส.ส.ประสานกับ 249 ส.ว.รวมแล้วเป็น “รัฐบาล 500” เป็นฐานรองรับในความแข็ง แกร่ง มั่นคง
เริ่มเกิดความแคลงคลาง กังขา ไม่แน่ใจ
เป็นความแคลงคลาง กังขา ว่าภายใน”เรือเหล็ก” อาจเกิด”สนิม” ในทางการเมืองปรากฏขึ้นบ้างแล้ว
บทเรียนตั้งแต่ “สงครามเมืองทรอย”นำเสนอบทสรุปทางการทหารอันเด่นชัดยิ่งว่า
“ป้อมค่าย” ตีแตกจาก “ภายใน”
นั่นก็คือ ในกฎแห่งความขัดแย้ง แตกแยก อันนำไปสู่การเปลี่ยน แปลงไม่ว่าจะมองผ่านกฎแห่งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองผ่าน กฎแห่งวิทยาศาสตร์สังคม
ปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงย่อมเนื่องจากปัญหาที่ดำรงอยู่ภายในของแต่ละสรรพสิ่ง
ปัจจัยจากภายนอก นั่นก็คือ พรรคฝ่ายค้านอาจเป็นส่วนเสริมส่วนขยาย แต่ที่จะทำให้สิ่งๆนั้นพินาศย่อยยับหรือเดินหน้าต่อไปได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบภายใน
หากภายในมีความขัดแย้ง แตกแยก ฮึ่มฮั่ม ส่งเสียงเข้าหากันก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะรุ่งโรจน์
รัฐนาวาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนี้มีความเป็นเอกภาพ แข็งแกร่งอย่างที่เห็นหรือไม่
เมื่อมองไปยัง 3 พรรคร่วมรัฐบาลขนาดใหญ่ก็เริ่มไม่แน่ใจ
ไม่แน่ใจว่าระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยยังรักใคร่กันดีอยู่หรือไม่
มีความคิดจะทวงกระทรวงคมนาคมคืนหรือไม่
ไม่แน่ใจว่าระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ยัง สามารถจูบปากกันด้วยความชื่นมื่นหรือไม่
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อ ในตน”