โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'Dr.เช้าตรู่'แนะ'ตรวจภายใน' ไม่สอดใส่ถ้าไม่เคยมีเซ็กส์

เดลินิวส์

อัพเดต 15 พ.ย. 2561 เวลา 15.10 น. • เผยแพร่ 15 พ.ย. 2561 เวลา 14.57 น. • Dailynews
'Dr.เช้าตรู่'แนะ'ตรวจภายใน' ไม่สอดใส่ถ้าไม่เคยมีเซ็กส์
'Dr.เช้าตรู่' สูตินรีแพทย์คนดัง เคยให้ข้อมูลเรื่องการตรวจภายใน ระบุหมอจะไม่สอดใส่ทั้งนิ้วทั้งเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอดถ้าไม่จำเป็น หากหญิงที่ตรวจไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "@Dr.เช้าตรู่" สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช ได้เคยให้ข้อมูลไว้เมื่อปี 2560 ถึงเรื่องราว "การตรวจภายใน VS การตรวจมะเร็งปากมดลูก" ระบุว่า "ทราบมั้ยครับว่าการตรวจภายใน กับ การตรวจมะเร็งปากมดลูก นั้นต่างกัน เพราะการตรวจภายในไม่จำเป็นต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก แต่การตรวจมะเร็งปากมดลูกต้องได้รับการตรวจภายในร่วมด้วยเสมอ  เชื่อว่าหลายคนคงกำลังงงๆ สับสนกับการตรวจ 2 อย่างนี้อยู่แน่ๆ เพราะผมเคยเจอมากับตัวอยุ่บ่อยๆเวลาที่คนไข้มาพบผม มีไม่น้อยที่มักจะไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาหมอคนก่อนๆเคยตรวจอะไรไปให้แล้วบ้าง งั้นวันนี้ผมขอมาอธิบายเรื่องง่ายๆ แต่มักเข้าใจไม่ตรงกันหน่อยละกันนะครับ"

การตรวจภายใน เป็นการตรวจร่างกายบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง ตั้งแต่ภายนอก เข้าไปถึงภายในช่องคลอด-ช่องท้อง โดยการดู คลำ ดม ซึ่งตามปกติแล้วภายหลังจากที่คนไข้เข้าห้องน้ำปัสสาวะออกให้หมดและขึ้นขาหยั่งแล้ว เเพทย์จะเริ่มขั้นตอนการตรวจจาก

ตรวจหาความผิดปกติจากภายนอกก่อนโดยการดู ตั้งแต่บริเวณขนหัวหน่าว แคมนอก แคมใน รูเปิดท่อปัสสาวะ คลิตอลิส เยื่อพรมจรรย์ รูเปิดของต่อมต่างๆบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อดูว่าอวัยวะเพศภายนอกมีแผล มีตุ่ม มีหนอง รอยแดงผิดปกติ หรือมีตัวโลน(คล้ายๆเหา)บริเวณขนหัวหน่าวหรือไม่

จากนั้นจะทำการใส่เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด ที่มีชื่อว่า  speculum หรือปากเป็ด อย่างที่หลายๆคนเรียกกัน เพื่อเข้าไปตรวจดูช่องคลอด รวมถึงปากมดลูกที่อยู่ภายใน โดยจะดูว่าช่องคลอดมีลักษณะอย่างไร ตกขาวมีสี ปริมาณ และกลิ่นเป็นอย่างไร มีเลือดออกผิดปกติหรือไม่ รวมถึงตรวจดูว่าปากมดลูกมีก้อน มีแผล มีติ่งเนื้ออะไรที่ผิดปกติมั้ย ซึ่งขั้นตอนนี้เองที่บางคนจะได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกเพิ่มเติมเข้ามาด้วย โดยการใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นไม้เล็กๆเข้าไปป้ายเก็บเซลล์จากปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง ดังนั้นการตรวจภายในทั่วไป จึงแตกต่างจากการตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรงที่ว่าได้มีการเก็บเซลล์ที่ปากมดลูกไปตรวจเพิ่มเติมหรือไม่ยังไงล่ะครับ

จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจมดลูกและรังไข่ 2 ข้างต่อโดยการคลำ ซึ่งแพทย์จะใช้นิ้วมือข้างที่ถนัดสอดเข้าในช่องคลอด แล้วใช้ฝ่านิ้วมืออีกข้างกดที่หน้าท้อง จากนั้นจะใช้แรงจากมือที่กดจากหน้าท้อง ร่วมกับแรงกระดกจากนิ้วที่อยู่ภายในช่องคลอด คลำตรวจดูขนาดของมดลูกและรังไข่ทั้ง 2 ข้างว่ามีขนาดปกติหรือไม่ กดเจ็บหรือไม่ โยกได้มั้ย หรือคลำได้ตุ่มหรือก้อนอะไรผิดปกติรึเปล่า ถ้าปกติดีก็ถือว่าการตรวจภายในเสร็จสิ้นกระบวนการครับ

 

แต่หากตรวจพบว่ามีก้อนผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวินิจฉัยด้วยการทำอัลตร้าซาวน์ต่อไป เว้นแต่บางกรณีที่แพทย์คลำตรวจมดลูกและรังไข่ทางหน้าท้องได้ไม่ชัดเจน เช่น คนไข้ที่อ้วนมาก หน้าท้องหนา คนไข้เกร็งหน้าท้องมาก หรือมีแผลเป็นจากการผ่าตัดเป็นก้อนแข็งขัดขวางการคลำทางหน้าท้อง กรณีเหล่านี้แพทย์อาจแนะนำให้อัลตร้าซาวน์ทางหน้าท้อง หรือทางช่องคลอดเพื่อช่วยในการประเมินขนาดมดลูกและรังไข่ร่วมด้วยครับ

ในกรณีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แพทย์จะไม่สอดใส่เครื่องมือหรือนิ้วมือเข้าในช่องคลอดโดยไม่จำเป็น จะทำการตรวจแต่เพียงอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และทำอัลตร้าซาวน์ทางหน้าท้องร่วมด้วยเพื่อช่วยประเมินขนาดมดลูกและรังไข่แทนการตรวจคลำทางช่องคลอดและหน้าท้องครับ

จะเห็นได้ว่าการตรวจภายในโดยทั่วไป แพทย์จะไม่ได้ตรวจมะเร็งปากมดลูกร่วมด้วย ดังนั้นภายหลังจากทำการตรวจภายในทุกครั้งจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไข้ต้องสอบถามว่าแพทย์ว่าได้ทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวคนไข้เอง ว่าได้รับตรวจอะไรไปบ้างและผลการตรวจเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ทราบว่าเคยตรวจอะไรไปแล้ว และวางแผนต่อไปว่าต้องตรวจอีกทีเมื่อไหร่.

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://drchawtoo.com, เพจ @Dr.เช้าตรู่

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0