ถ้ามองแค่กำไรดูไม่เป็นปัญหา เพราะโตค่อนข้างเยอะ
แต่ถ้ามองทีละบรรทัด ก็จะอดห่วงไม่ได้เพราะยอดขายลดลง
และบางไตรมาสมีตัวช่วยอย่าง กลับสำรองสินค้าคงเหลือ หรือใช้สิทธิ์ทางภาษี
แต่ข้อดีก็มีไม่น้อย เช่น
- ปรับ Product Mix ขายสินค้า house brand ได้เพิ่มเรื่อยๆ ซึ่งมาร์จิ้น 31.2% ดีกว่าสินค้าทั่วไปเท่าตัว ตอนนี้มีสัดส่วน 16.5%
- SG&A ลดลง เพราะมี DC มาช่วยให้ไม่ต้องสต็อคเยอะ และใช้ ERP ในการบริหารจัดการสินค้า มีการใช้ระบบใส่ของให้เต็มตู้แล้วส่งทีเดียว
- สาขาใหม่เล็กลง ใช้คนน้อยลงครึ่งนึง อย่างสาขาเพชรเกษมใช้คน 171 คน จากเดิมต้องใช้ 300 คน ทำให้ SG&A ลดลงได้อีก
เพราะฉะนั้น โจทย์ของ DOHOME ในวันนี้คือ ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มยอดขายให้เติบโต ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ดูไม่ค่อยสดใส และบริษัทกำลังอยู่ในช่วงลงทุนขยายสาขาอย่างมากใน 3 ปีนี้
ยอดขาย 3 ปี ย้อนหลัง ตกปีละ 18,500 ล้านบาท ไม่เติบโต
ล่าสุด Q3’19 ติดลบ 7% โดยมาจาก SSSG -8%
ถ้าตัดสาขาอุบลที่ตัวจังหวัดน้ำท่วมไป 21 วัน SSSG ก็ยังติดลบ 3%
ปัญหาอยู่ที่สาขาเก่า ๆ ยอดขายหลังร้าน ที่เป็นส่วนของวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ยอดขายลดลงทั้งปริมาณและราคาขาย ซึ่งวัสดุก่อสร้างคิดเป็นเกือบครึ่งของยอดขายทั้งหมด ขณะที่หน้าร้านยอดขายโต สินค้ากลุ่มซ่อมแซมและตกแต่งโต
** คำถามที่ 1 คือ งั้นก็ลดสัดส่วนพวกเหล็ก หรือวัสดุก่อสร้างลงสิ **
คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะลูกค้าหลักเป็นช่างรับเหมา ที่มาซื้อสินค้ากลุ่มนี้เป็นหลัก คือ วัสดุก่อสร้างเป็นตัว draw traffic เรียกลูกค้า ไม่มีไม่ได้ แต่สาขาใหม่ ๆ หรือ To Go เองก็พยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้า house brand และสินค้าตกแต่งกับซ่อมแซมให้เยอะขึ้น เพื่อเพิ่มมาร์จิ้นอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ คือ ลด inventory สินค้ากลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่เจ็บตัวเยอะ และพยายามเร่งเปิดสาขาใหม่ๆ มาชดเชยรายได้
** คำถามที่ 2 คือ งั้นรีบเปิดสาขาใหม่เร็ว ๆ จะได้เอายอดมาโปะ **
คำตอบคือ ทำไม่ได้ไวขนาดนั้น เพราะติดทั้งเรื่องเงินและคน
คิดแบบนี้ แผนคือ จะเปิด size L อีก 6 สาขา (ไม่นับเพชรเกษม) x 300 ล้านบาท = 1800 ล้านบาท
และ To Go 87 สาขา x 5 ล้านบาท = 435 ล้านบาท
ตีกลม ๆ ก็ 2,200 ล้านบาท
ผู้บริหารบอกว่า D/E ยังไม่ถึง 2 เท่า (ตอนนี้ 1.84) กู้ได้ แบงค์ให้ดอกเบี้ยเรตดี บวกกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และใช้วิธีเช่าที่ดินแทนการซื้อขาด ก็จะมีเงินพอเปิดได้ตามแผน ถามว่าพอมั้ย ก็อาจจะพอแบบตึงมาก และจะมีปัญหาได้ถ้าเกิดมีค่าใช้จ่ายพิเศษขึ้นมา หรือทำให้คู่แข่งเห็นว่าเป็นจุดอ่อนเข้ามาทำการตลาดแย่งลูกค้าไปได้
และการเปิดสาขาใหม่ช่วงแรก ๆ ก็มีปัญหานะ อย่าง To Go ยอดขายก็ตกวันละ 3-4 หมื่นบาท ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 7 หมื่นบาท เพราะเติมของไม่ทัน แต่ GP ดีมาก ก็ต้องค่อย ๆ ปรับตัวกันไปในแต่ละสาขา ขณะที่สาขาใหญ่ Size L ก็ต้องให้เวลา ramp up รายได้ 3 ปี ถึงจะเต็มที่ตามเป้า
** คำถามที่ 3 งั้น Go online แทนสิ เทรนด์กำลังมา **
คำตอบคือ ก็มีทำกับ Lazada อยู่ แต่สัดส่วนก็ยังไม่เยอะมาก และไม่ใช่สินค้าตัวทำเงินของบริษัท ที่เป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ช่างจะเข้ามาซื้อที่ร้านมากกว่า
**คำถามที่ 4 ไทวัสดุ กำลังจะเข้าตลาดในกลุ่มของ CRC กังวลมั้ย **
คำตอบคือ เราเปิดสาขาทีหลังชาวบ้านตลอด แต่เราก็ยังโตได้ดี เพราะตลาดวัสดุก่อสร้างใหญ่มาก ร้านค้า Modern Trade คิดเป็น 20% ของทั้งหมด ที่เหลือเป็นร้านค้าห้องแถว ซึ่งคำตอบนี้น่าคิด เพราะว่า จริง ๆ แล้ว หรือว่าคู่แข่งของ Dohome ไม่ใช่ไทวัสดุ หรือ Mega Home แต่เป็นการเข้าไปกินร้านเล็กร้านน้อยต่างหาก
** คำถามที่ 5 เศรษฐกิจไม่ดี มีผลมั้ย **
คำตอบคือ มีแน่ ๆ ถ้าการก่อสร้าง อสังหา ไม่ดี คนก็จะมาซื้อของลดลง ดูง่าย ๆ อย่างอุบล พอน้ำลด ยอดขายก็ยังกลับมาได้ไม่เท่าเดิม บริษัทเองมองแบบนี้คือ สาขาใหญ่จะไปเปิดตาม EEC คือ นิคมมาบตาพุด และชลบุรี ส่วนสาขา To Go ก็เปิดตาม Hypermarket ที่ Traffic ดี ๆ
ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 9.85 บาท (เคยไปสูงสุด 12.90 บาท) P/E ประมาณ 30 เท่า
น่าติดตามว่าจะสามารถแก้โจทย์ปัญหาทั้ง 5 ข้อด้านบนได้อย่างราบรื่นแค่ไหน ใครคิดโจทย์อื่นออกอีก บอกกันมาได้เลย
Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow