โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

DJI OSMO Action ปะทะ GoPro HERO7 Black

Beartai.com

อัพเดต 20 พ.ค. 2562 เวลา 13.31 น. • เผยแพร่ 20 พ.ค. 2562 เวลา 13.31 น.
DJI OSMO Action ปะทะ GoPro HERO7 Black
DJI OSMO Action ปะทะ GoPro HERO7 Black

หน้าตาภายนอก

ด้านหน้า

ดูที่หน้าตาภายนอกกันก่อน เรื่องนี้จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนว่าคนมาที่หลัง ก็ต้องสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน เมื่อ Osmo Action นั้นมีจอสีด้านหน้าขนาด 1.4 นิ้วมาด้วย แสดงภาพที่กำลังถ่ายทันที ทำให้ Osmo Action เหมาะมากสำหรับการถ่าย Vlog ด้วยตัวเองได้

ส่วน GoPro HERO7 Black จอด้านหน้านั้นเป็นจอขาวดำ สำหรับดูรายละเอียดการถ่ายอย่างเดียว เวลาถ่าย Vlog ตัวเองจะต้องเดาหน่อยว่าหน้าเราอยู่ตรงไหนของเฟรม แต่ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากับมือถือเพื่อดูเป็นหน้าจอก็ได้เช่นกัน

ด้านหลัง

ส่วนด้านหลัง DJI OSMO Action จะมีจอสัมผัสที่ใหญ่กว่าคือ 2.25 นิ้วแบบ 16:9 เทียบกับ GoPro HERO7 ที่เป็นจอสัมผัส 2 นิ้ว ซึ่งจอหลังของ OSMO Action จะแสดงภาพวิดีโอที่ถ่ายได้แบบเต็มๆ ไม่มีบาร์สีดำอยู่ในจอเหมือนจอของ GoPro HERO7

และที่ต่างกันคือ DJI OSMO Action ไม่มีพอร์ต HDMI จึงไม่สามารถส่งภาพตรงออกจากกล้องได้เหมือน GoPro HERO 7 Black

สเปคที่ใกล้เคียงกัน

  • ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว 12 ล้านพิกเซลเหมือนกัน
  • ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 60fps ได้เหมือนกัน
  • ถ่าย Slo-mo ได้ 8 เท่า หรือ 1080p 240 fps เหมือนกัน
  • สั่งงานด้วยเสียงได้ทั้งคู่
  • มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวอย่างเทพเหมือนกัน
  • กันน้ำโดยไม่ต้องใช้เคสได้ทั้งคู่ แต่ฝั่ง DJI จะกันน้ำได้มากกว่าหน่อยที่ 11 เมตร ส่วน GoPro กันน้ำได้ลึก 10 เมตร แหม๋ 1 เมตรก็เอาค่า

สิ่งที่แตกต่างกัน

  • เรื่องที่แตกต่างส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องซอฟต์แวร์เช่น GoPro มี GPS ในตัว ทำให้ซอฟต์แวร์แสดงความเร็วในการเคลื่อนที่ได้
    GoPro รองรับการทำ Live Streaming ไลฟ์วิดีโอขึ้น facebook หรือ Youtube ได้

การทดสอบถ่าย

วิดีโอ

เรื่องระบบ Stabilizer หรือการกันสั่นนั้นทั้ง 2 ค่ายถือได้ว่าจัดเต็มถ่ายออกมาได้ลื่นไหล แทบไม่มีการสั่นให้ได้เห็น แต่ในเรื่องของภาพที่ได้ OSMO Action จะเก่งในด้านการไล่สีผิวของคน สามารถถ่ายออกมาได้อย่างสวยงาม แต่ในด้านภาพโดยรวมอาจจะออกมาไม่สดใสเท่ากับ GoPro Hero 7 Black แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของเรา

อีก 1 จุดสังเกตของ DJI OSMO Action คือระหว่างถ่ายวิดีโอ 4K 60 Fps ภาพหน้าจอด้านหน้าจะแสดงผลได้ช้ากว่าความเป็นจริงหลักหลายวินาที

ภาพ

การถ่ายภาพถือได้ว่า GoPro Hero 7 Black ถ่ายมาได้สวยงามกว่าค่อนข้างมากในโหมด SuperPhoto แต่โดยรวมถือว่าค่อนข้างน่าสนใจทั้ง 2 ตัวเลย

ราคา

ปิดท้ายด้วยราคาของ DJI OSMO Action อยู่ที่ 12,000 บาท ส่วน GoPro Hero 7 Black ราคาอยู่ที่ 14,500 บาท ซึ่งจะมีคลิปรีวิวแบบจัดเต็มให้คุณได้ดูอีกครั้งอย่างแน่นอน

แชร์โพสนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0