โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โพยหุ้น ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยจากล็อกดาวน์

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 04.43 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. 2564 เวลา 08.38 น. • This’s Alano

จากสถานการณ์โควิด-19 ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ออกมาตรการคุมเข้มสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อย่างกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
- ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น.
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น.
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
- สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
- สถานศึกษาใช้การเรียนการสอนหรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
-ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี
-การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค. ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า ผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาล เราคาดว่ามาตรการล็อกดาวน์จะกระทบเศรษฐกิจในประเทศ การท่องเที่ยวในประเทศ และกระทบกำหนดการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง (ปัจจุบันแตะจุดต่ำรอบ 23 ปีที่ 43 อิงข้อมูลเดือน มิ.ย. 2564) และหนี้ครัวเรือนระดับสูง (แตะระดับ 90% ณ ไตรมาส 1/2564) จะกดดันกำลังซื้อผู้บริโภคและกระทบกลุ่มอุตสาหกรรมที่อิงปัจจัยในประเทศในช่วงไตรมาส 3/2564 ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมาตรการห้ามเดินทางนั้นคาดว่าจะกระทบภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศ เราคาดว่ากลุ่มธนาคารจะตั้งสำรองมากขึ้นจาก NPLs ที่สูงขึ้น
ทั้งนี้เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง 7.7% ทำให้เงินบาทกลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนแอเป็นอัน 2 ของเอเชียในปี 2564 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น +2.7% และปัจจัยภายใน เราคาดว่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะเป็นผลดีกับกลุ่มส่งออกเพราะจะทำให้ GPM แข็งแกร่งขึ้น ในด้าน SET Index นั้นให้ผลตอบแทนต่ำกว่า MSCI ACWI ในระดับ 3.4% QTD จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ (-8.2 หมื่นลบ. YTD) ซึ่งเป็นผลมาจากโควิดระลอก 3 และความล่าช้าในการฉีดวัคซีน
ดังนั้นให้เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบในวงแคบจากมาตรการล็อกดาวน์หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
โดยคาดว่า SET Index จะปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,520 (-0.5SD EYG) จากมาตรการล็อกดาวน์ระดับเบา และ 1,480 (-0.375SD EYG) สำหรับกรณีมาตรการที่เข้มงวด
เราแนะนำให้นักลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในวงแคบจากมาตรการล็อกดาวน์หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเราพบว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มถุงมือยาง กลุ่มขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนวราบ กลุ่ม AMC กลุ่มโรงพยาบาลในประเทศ กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (gadgets) และกลุ่มการเงิน
เป็นกลุ่มที่รายงานรายได้และกำไรที่แข็งแกร่ง แม้จะมีการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบทั่วโลกในไตรมาส 2/2563 และคาดว่าประวัติศาสตร์จะย้อนรอยอีกครั้งในไตรมาส 3/2564 ที่ไทยจะกลับมาดำเนินมาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบ หุ้นเด่นของเราคือ ASK CHAYO JMT BCH TU ASIAN KCE EPG CBG และ MEGA

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0