เป็นเวลา 1 สัปดาห์กว่า ๆ แล้ว ที่คนทั้งโลกมุ่งความสนใจไปที่การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้ จอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) หลังการตายของเขาจุดประเด็นความไม่เท่าเทียม การเหยียดผิว และการปฏิบัติโดยมิชอบโดยตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโพลิส (Minneapolis, USA)
สถานการณ์อาจยังไม่คลี่คลายเร็ว ๆ นี้ เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 63) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แถลงว่าอาจใช้กำลังทหารในการยุติการประท้วง สร้างความวิตกกังวลไปทั่วอเมริกา ว่าการประท้วงอาจยิ่งรุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตามการเรียกร้องความยุติธรรมครั้งนี้มีการนำวลี Black Lives Matter (ชีวิตคนดำสำคัญ) มาชูโรง กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่เพียงคนดำ แต่คนขาว คนผิวสี รวมถึงคนเอเชียน ก็ออกมายืนหยัดเคียงข้างคนดำในนาทีนี้ เพื่อส่งสัญญาณว่าจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมทำร้ายใครได้อีก
ทำไม Black Live Matters ทั้ง ๆ ที่ All Lives Matter
ตั้งแต่มีวลี Black Lives Matter หลายคนออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง พร้อมโต้กลับว่า ไม่ใช่แค่ชีวิตคนดำที่สำคัญ อย่าลืมสิว่า All Lives Matter (ทุกชีวิตสำคัญหมด)
แต่ไม่มีใครบอกว่าชีวิตใครไม่สำคัญ ในช่วงเวลาแสนเปราะบางแบบนี้ มนุษยชาติอาจต้องเปลี่ยนมุมมองสักนิด แล้วหวนคิดอีกทีว่าในการประท้วงครั้งใหญ่ที่กำลังเดือดดาล โดยมีต้นตอจากการที่คนดำถูกฆาตกรรมโดยน้ำมือของตำรวจ เรายังจะเรียกร้องว่าทุกชีวิตเท่าเทียมกันทำไม ในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นบ่งบอกชัดเจนเหลือเกินว่า คนดำถูกทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม..อีกแล้ว
คนดังหลายคนออกโรงต่อต้านการกระทำของตำรวจอย่างเปิดเผย ศิลปินขวัญใจวัยรุ่นอย่างบิลลี่ ไอลิช (Billie Eilish) ก็ได้อธิบายไว้อย่างเกรี้ยวกราดแต่เข้าใจง่าย ว่าทำไมเราถึงไม่ควรพูดว่า All Lives Matter ในกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์
“ไม่มีใครพูดว่าชีวิตคุณไม่สำคัญหรือไม่ลำบาก ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับคุณทั้งนั้น คุณต้องเลิกสนใจตัวเองก่อน เพราะตอนนี้ “คนดำ” กำลังตกที่นั่งลำบาก
ถ้าเพื่อนคุณโดนมีดบาดแขน คุณจะเอาปลาสเตอร์ให้ทุกคนให้ห้องมั้ย? ก็ไม่ เพราะไม่ใช่ All Arms Matter
และหากว่า All Lives Matter ทำไมคนดำจึงถูกเพ่งเล็งเพียงเพราะมีผิวสีดำ?” - บิลลี่ ไอลิช
โพสต์ที่แชร์โดย BILLIE EILISH (@billieeilish) เมื่อ พ.ค. 29, 2020 เวลา 11:11pm PDT*
หลายชีวิตถูกพรากเพียงเพราะ “สีผิว”
ตั้งแต่ปี 2015 คนดำจำนวนมากเสียชีวิตจากการจับกุมเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลายคดียังไม่ทันเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเสียด้วยซ้ำ โดยในปี 2015 สถิติของการที่คนดำถูกฆ่าเพราะตำรวจในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงถึง 104 คนในปีเดียว ทั้งหมดไม่มีอาวุธ มีเพียง 13 คนในจำนวนนี้ที่มีความผิดข้อหาอาชญากรรมจริง ๆ และมีตำรวจเพียง 4 คนเท่านั้นถูกดำเนินคดี
นอกจากจอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกจับโทษฐานใช้แบงก์ 20 ดอลลาร์ปลอมซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ยังมีคดีสะเทือนขวัญอีกมากที่ทำให้ฉุกคิดจริง ๆ ว่าเพียงคุณมีผิวสีดำ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมจู่โจมคุณด้วยความรุนแรงได้ทุกเมื่อ
- เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บรีโอนา เทย์เลอร์ (Breonna Taylor) พยาบาลสาวถูกยิงเสียชีวิตบนเตียงของตนเอง จากเหตุการณ์ตำรวจบุกเข้าค้นบ้านในคดียาเสพติด ซึ่งปรากฎว่าเธอไม่มีความผิดใด ๆ
- ทาเมียร์ ไรซ์ (Tamir Rice) เด็กชายอายุ 12 ปีถูกยิงเสียชีวิตในสวนสาธาณะ หลังได้รับแจ้งว่ามีชายครอบครองอาวุธปืน สรุปว่าปืนของทาเมียร์คือปืนบีบีกัน
- บอธแธม จีน (Botham Jean) ถูกยิงเสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง หลังแอมเบอร์ กายเกอร์ (Amber Guyger) เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจผิดคิดว่าห้องของเขาคือห้องของเธอ แอมเบอร์ยิงบอธแธมขณะที่เขานั่งกินไอศกรีมอยู่บนโซฟา
ไม่แปลกที่คนดำในสหรัฐอเมริกาจะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและไม่เท่าเทียม การตายของจอร์จ ฟลอยด์อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายของการถูกกดขี่อย่างไม่เป็นธรรมด้วยอคติต่อคนผิวสี ก่อให้เกิดการประท้วงระลอกใหญ่ที่ทำให้ทั้งคนดำ และคนทั่วโลกลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมโลกของพวกเขา
ความอยุติธรรมโดยเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นทุกมุมโลก
การเรียกร้องความยุติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์ และการสนับสนุน Black Lives Matter เป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่คนทั้งโลกให้ความสนใจและไม่ขอทน อย่าลืมว่าความรุนแรงเกิดขึ้นได้ทั่วโลก ที่ใดที่เกิดการประท้วง ย่อมแปลว่าสถานที่นั้นมีเสียงของผู้คนที่ถูกหลงลืมและมองข้ามอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ควรทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้องประชาชน
เหตุผลเหล่านี้นับเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ผู้นำทั่วโลกจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เริ่มจากการรับฟังเสียงของประชาชนอย่างจริงใจ และอย่าปล่อยให้ใครต้องรู้สึกว่าชีวิตของตนไม่มีความสำคัญอีกเลย
--
อ้างอิง
