โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

BEAUTY ถ้าครึ่งหลังไม่ฟื้น ราคานี้ก็แพงเกินไป

Stock2morrow

อัพเดต 22 ส.ค. 2562 เวลา 09.08 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. 2562 เวลา 03.50 น. • Stock2morrow
BEAUTY ถ้าครึ่งหลังไม่ฟื้น ราคานี้ก็แพงเกินไป
BEAUTY ถ้าครึ่งหลังไม่ฟื้น ราคานี้ก็แพงเกินไป

ยังคงขอติดตามผลการดำเนินงานของ BEAUTY ต่อไป ไม่ใช่ว่ามีอะไรกับหุ้นตัวนี้เป็นพิเศษหรอก แต่ส่วนตัวแล้วมองว่า BEAUTY นับว่าเป็น case study อย่างดี เนื่องจากผลการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งราคาหุ้นก็ยังปรับลงแรงด้วย ซึ่งมีความน่าสนใจมากว่า อะไรเป็นเหตุผลที่แท้จริงกันแน่ที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับภาวะเช่นนี้

นอกจากนั้น ยังเป็นการติดตามด้วยว่า การที่ผลประกอบการและราคาหุ้นปรับลงมาเช่นนี้ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดที่นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจตามปกติจริงหรือไม่

 

BEAUTY ประกาศงบไตรมาส 2 กำไรเหลือเพียงแค่ 40 กว่าล้านบาท นับว่าเป็นการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้วถึง 4 ไตรมาส จากที่เคยกำไรได้ถึงราว 250 ล้านบาทต่อไตรมาส

กำไรต่อหุ้นไตรมาส 2 นี้ เท่ากับ 0.015 บาท ครึ่งปีแรกมีกำไรต่อหุ้น 0.035 บาท แต่ในข่าวที่ส่งตลาดมีการปัดเศษขึ้น ทำให้แสดงเป็นกำไรต่อหุ้น 0.02 บาทในไตรมาส 2 และ 0.04 บาทสำหรับงวดครึ่งปีแรกตามลำดับ

 

P/E หุ้น Beauty เคยสูงถึง 57 เท่า P/BV ที่ 30 เท่า
ขอบคุณภาพจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

หากผลประกอบการยังไม่มีการฟื้นตั้ว หรือฟื้นต้วได้เพียงเล็กน้อย สมมติให้ครึ่งปีหลังบริษัททำกำไรได้ 140 ล้านบาท (จาก 100 ล้านบาทในครึ่งปีแรก) และทำให้บริษัทมีกำไรต่อหุ้นทั้งปีราว 0.08 บาท

หากเราให้ค่า PE ของบริษัทที่ 20 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมเพียง 1.60 บาท และราคาในกระดานตอนนี้ (คำนวณจากราคา 3.00 บาท) ยังคิดเป็น PE สูงถึง 37.5 เท่า

 

ถ้าคาดว่าบริษัทจะพลิกฟื้นและเติบโตได้สัก 20% ในปี 2563 คือมีกำไรต่อหุ้น 0.096 บาท ที่ราคา 3.00 บาท ก็ยังคิดเป็นค่า PE สูงกว่า 30 เท่าอยู่ดี

 

ซึ่งบอกได้เลยว่า สำหรับภาวะตลาดในเวลานี้ อีกทั้งความระมัดระวังที่นักลงทุนมีเพิ่มมากขึ้นสำหรับหุ้นอย่าง BEAUTY แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ตลาดจะให้ค่า PE หุ้นตัวนี้ถึง 30 เท่า เพราะ 20 เท่าก็ยังเรียกว่าสูงกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ

 

นักวิเคราะห์บางค่ายประเมิน PE ที่เหมาะสมของ BEAUTY โดยใช้วิธีทาง quantitative ซึ่งใช้ PE เฉลี่ยในอดีตของบริษัทมาเป็นเกณฑ์และบอกว่า PE ณ วันนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเยอะแล้ว

อยากย้อนถามนักวิเคราะห์กลับไปเหมือนกันว่า การที่พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปขนาดนี้ จะยังมองว่าบริษัทควรเทรดที่ค่า PE ระดับเฉลี่ยในอดีตได้อีกหรือ??

 

โครงสร้างของรายได้ของบริษัทเปลี่ยนไปอย่างมาก Gross Profit Margin (GPM) ที่เคยสูงกว่า 60% ก็ปรับลดลงอย่างมาก ส่วน Net Profit Margin ที่เคยสูงโดดเด่นถึง 30% และผู้บริหารบอกว่าจะพยายามรักษาระดับค่านี้ไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 20%

แต่ในไตรมาสล่าสุด NPM ลดลงมาเหลือไม่ถึง 10% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก เพราะโครงสร้างผลประกอบการที่เปลี่ยน ค่าใช้จ่ายยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับการทำการตลาด ในขณะที่ยอดขายลดต่ำลง

ณ ระดับนี้ ถือว่าหมิ่นเหม่ที่จะพลิกมาขาดทุนได้ง่ายมาก สำหรับงบของ BEAUTY นั่นเพราะเข้าใกล้จุด break even เสียเหลือเกิน

 

การเคลื่อนไหวราคาหุ้น Beauty เคยทำจุดสูงสุดที่ 23.70 บาท
ขอบคุณภาพจาก : Bisnews Professional

 

ก่อนหน้านี้บริษัทขายสินค้าได้ดี ยอดขายสูงกว่า fixed cost มาก จนบริษัทได้ประโยชน์สูงมากจากยอดขายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ fixed cost per unit จะลดต่ำลงเมื่อยอดขายยิ่งสูงขึ้น จะมีเพียงแค่ต้นทุนส่วนที่เป็น variable cost เท่านั้นที่ปรับขึ้นตามยอดขาย

แต่เหตุการณ์ตอนนี้พลิกกลับเป็นตรงข้าม!! โดยเฉพาะหากบริษัททุ่มงบไปในด้านการตลาดสูงขึ้นกว่านี้ หรือมีการใช้ช่องทางจำหน่ายที่มีต้นทุนสูงกว่าอดีต บริษัทจะเหลือ buffer อีกไม่มากแล้วที่จะทำให้ผลประกอบการรายไตรมาสพลิกสู่ภาวะขาดทุน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สวนทางกับผลประกอบการที่ออกมาย่ำแย่กว่าคาด ผู้บริหารยังคงตั้งความหวังไว้อย่างสูงว่าครึ่งปีหลังธุรกิจจะพลิกฟื้น

นั่นทำให้ราคาหุ้นวันนี้ดีดตัวกลับทันทีถึง 20% หลังประกาศงบออกมา ซึ่งน่าจะมาจาก 2 เหตุผล นั่นคือ 1. นักลงทุนมองว่าไตรมาสนี้น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของผลประกอบการ 2. เชื่อในสิ่งที่ผู้บริหารให้ข่าว

แต่หากของมันดีจริง ราคาหุ้นไม่น่าจะร่วงจากจุดสูงสุดที่เปิดไว้ในวันนี้สูงกว่า 3.30 บาท จนลงมาเหลือเพียงแค่ 3.04 บาท นั่นแสดงว่า มีคนรอขายอยู่"เพียบ"

 

ถ้าจะให้ออกความเห็นในเวลานี้ คงต้องบอกว่า ในตลาดยังมีหุ้นอีกมากมายที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจำเป็น และเราก็มองออกว่าผลประกอบการของหุ้นนั้นยังคงน่าจะดีอยู่

พูดง่ายๆคือ มีหุ้นหลายตัวที่ราคาในกระดานต่ำกว่าราคาเหมาะสมทางพื้นฐานมาก

 

มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาซื้อ BEAUTY เพื่อคาดหวังการพลิกฟื้น

 

ทั้งๆที่ ณ ผลประกอบการระดับนี้ 2 บาทยังเรียกว่าแพงเกินไป เพราะหากให้ PE บริษัทที่ 15 เท่า (ให้ได้เท่านี้จริงๆเพราะ growth ไม่ได้โดดเด่นเหมือนในอดีตแล้ว) ราคาหุ้นควรอยู่ที่ 1.20 บาทเท่านั้น ถ้าให้ 20 เท่า ก็คือ 1.60 บาท

 

อนึ่ง โบรก Yuanta ให้ราคาเหมาะสมหุ้น BEAUTY เหลือ 2 บาท ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการให้เผื่อการพลิกฟื้นของผลประกอบการไว้บ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามการตัดสินใจท้ายที่สุด อยู่ที่ความคิดเห็นของแต่ละท่าน

 

แค่อยากฝากไว้ว่า ในเวลานี้ หุ้นถูกแต่ดีเริ่มมีให้เลือกมากขึ้น ทำไมต้องเงินมาเสี่ยงกับหุ้นที่ "ยังไม่ถูก และก็ยังไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่"

 

Cr.Wattana Stock Page

วัฒนา ชื่นจิตรวงษา

เจ้าของเพจ Wattana Stock Page นักลงทุนต้นแบบในการเจาะลึกข้อมูลอย่างจริงจัง ก่อนจะเข้าไปลงทุนในบริษัทหนึ่งๆ 

FB: Wattana Stock Page

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0