ดีลใหญ่ในกลุ่มหุ้นโรงพยาบาลในเวลานี้ คงเป็นดีล BDMS ซื้อ BH ซึ่งเตรียมทุ่มเงินสูงสุดกว่าแสนล้านบาท ถือหุ้นแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งหากดีลนี้เป็นไปตามหวัง จะส่งให้ BDMS เป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจโรงพยาบาล แต่ดีลนี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่จ่ายเงินซื้อหุ้น
เพราะหลังจากมีข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ จากทาง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ว่าเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 เมษายน 2563 เพื่อขออนุมัติดีลดังกล่าว ในวันเดียวกัน บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ก็แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน ว่าไม่ทราบข่าวเรื่องดีลดังกล่าวมาก่อน และดูเหมือนท่าทีก็คงจะไม่ยอม ถึงขั้นเตรียมปรึกษาคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
BDMS เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น 10 เม.ย.
เริ่มต้นเรื่องด้วยบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า มีความประสงค์จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer) ในหุ้นทั้งหมดของ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 24.99% โดยจะเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ในวันที่ 10 เมษายน 2563 พิจารณาเรื่องดังกล่าว
โดยจำนวนหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ BH ที่ BDMS จะทำคำเสนอซื้อ ประกอบด้วย
- หุ้นสามัญ จำนวน 546.33 ล้านหุ้น สัดส่วน 74.83%
- หุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 1.21 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.17%
- หุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมด จำนวน 137.36 ล้านหุ้น
โดยจะทำคำเสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 125 บาท แต่ราคาเสนอซื้อหุ้นอาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ นั่นเท่ากับว่าดีลที่ BDMS ซื้อ BH นั้นจะมูลค่า 85,600 ถึง 103,000 ล้านบาททีเดียว
BH แจ้ง ตลท. ไม่รู้มาก่อน BDMS จะเข้าซื้อ
ขณะที่ท่าทีจาก บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ว่าตามที่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แจ้งว่าจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer) ในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ทางผู้บริหารของ BH ไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน
โดยระบุว่าในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใด ๆ นอกจากนี้บริษัทเห็นว่าทั้งสองกลุ่มโรงพยาบาลดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกัน และต่างก็เป็นผู้นำในธุรกิจด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ (Medical Tourism) และการบริการทางการแพทย์ตติยภูมิให้กับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง
ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญที่ผู้บริโภคพึงได้รับการบริการทางการแพทย์ตติยภูมิภายใต้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ดังนั้น บริษัทจะขอเข้าปรึกษาและให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เพื่อชี้แจงถึงสภาพการแข่งขันในธุรกิจด้านการแพทย์ในปัจจุบัน และขอความชัดเจนในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดย BDMS ดังกล่าว
BDMS ซื้อ BH ดีลดีแต่ไม่ง่าย
บล.บัวหลวง ประเมินว่าว่าเหตุผลที่ BDMS ซื้อ BH เนื่องจาก ผู้บริหารมองว่าธุรกิจรพ.ของ BH มีความเข็งแกร่ง-ระบบ-บุคลากรเยี่ยม ขณะที่ BH มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอในแต่ละปี และหนี้น้อยถึงไม่มีหนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ BDMS จะอยากถือ BH เพิ่มแต่ติดที่ BH มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ถืออยู่แล้วราว 30% ในปัจจุบัน
โดยสำหรับราคา tender offer นั้น บล.บัวหลวงประเมินว่าเป็นราคาซื้อที่ “ถูก” ในมุมมองของ BDMS เนื่องจากคิดเป็น PER ในช่วง 24.0x-28.5x ของ BH ปี 2020 ซึ่งต่ำกว่า BDMS ที่ 32x และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาล่าสุดที่ BDMS ซื้อ BH ที่ 186 บาท เมื่อปลายปี 2018
หากกรณีต้องใช้เงินทั้งหมดราว 103 พันล้านบาท ด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ประมาณ 3.0% ของ BDMS คำนวณดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม (หลักภาษี) ที่ 2.3 พันล้านบาท เทียบกับกำไรของ BH ที่จะได้มาเพิ่มราว 2.8 พันล้านบาท นับว่ายังมีเหลือเป็นกำไรส่วนเพิ่ม ทั้งนี้หากคิดความเสี่ยง dilution 5% ของ BDMS ก็ไม่เสียหายมาก ถือว่าผู้ถือหุ้น BDMS รับได้ในระยะยาว
บล.บัวหลวง คาดว่าผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของ BH น่าจะไม่ประสงค์จะขายหุ้น BH ออกไป ที่สำคัญยังมีหุ้นบุริมสิทธิพร้อมแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ทุกเมื่อ คิดเป็นประมาณ 20% (ที่ราคาต่ำมาก 4.55 บาทในชุดที่ 1 และ 3.50 บาทในชุดที่ 2) ของ BH ในกรณีที่ต้องการจะปกป้องการเข้ามาถือหุ้นของ BDMS ในอนาคต
ด้าน บล.หยวนต้า มีมุมมองเป็นบวก หากดีลดังกล่าวสำเร็จ ซึ่งจะทำให้ BDMS กินรวบธุรกิจโรงพยาบาลส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 อย่างไรก็ตามดีลดังกล่าวต้องใช้เงินสูงถึง 85,612 ล้านบาท ทำให้ต้องมีภาระเงินกู้เพิ่ม หรืออาจต้องเพิ่มทุนเพื่อหาเงินดังกล่าว
โดย ราคา 125 บาท คิดเป็นราคาเสนอซื้อที่ P/E เพียง 23.5 เท่า ซึ่งมองว่าถูกไปเมื่อเทียบกับ P/E เฉลี่ยย้อนหลังของกลุ่ม รพ.ย้อนหลัง 5ปี ที่ 30x ซึ่งหากดีลสำเร็จ แปลว่า BDMS จะซื้อหุ้น BH ได้ในราคาที่ถูกมาก ซึ่งเรามองว่าโอกาสที่จะเข้าเสนอซื้อทั้งหมดมีโอกาสไม่สำเร็จ
บล.เอเซียพลัส ระบุว่าหาก BDMS สามารถซื้อได้ในราคาที่กำหนดจะเป็นผลบวก ทั้งนี้ หากตั้งสมมติฐานซื้อหุ้นได้ครบตามคำเสนอซื้อ แหล่งเงินทุนในการซื้อ ส่วนใหญ่ประเมินจะมาจากการก่อหนี้ 8.0-9.0 หมื่นล้านบาท (ที่เหลือรองรับจากการเพิ่มทุน 795 ล้านหุ้นคิดเป็น dilution ราว 5%)
ซึ่งฐานะการเงินปัจจุบันที่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนที่ 0.3 เท่า (ฐานทุน 8.7 หมื่นลบ.) หากก่อหนี้ทั้งหมด หนี้สินต่อทุนยังน่าจะต่ำกว่า 1.5 เท่า เท่ากับ ฐานะการเงินปัจจุบันรองรับได้ ผลกระทบงบกำไรขาดทุนคาดว่าจะจำกัดโดยภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเพิ่มปีละ 2.64-2.97 พันล้านบาท ใกล้เคียงกำไรที่รับรู้เพิ่มจากการถือหุ้น BH ทั้งหมด (BH กำไรปีละ 3.7 พันล้านบาท ถ้าถือเพิ่ม 75% จะช่วย BDMS ได้กำไร BH เข้ามาอีกปีละ 2.8 พันล้านบาท) พร้อมประเมินราคาพื้นฐาน 28 บาท
*จะอย่างไรก็ตามหลังมีข่าวดีล BDMS ซื้อ BH เกิดขึ้น ก็ดันให้ราคาหุ้นของ BH ขึ้นไปถึง 16% ในขณะที่ BDMS หากดีลสำเร็จก็จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มโรงพยาบาลทันที *
แต่ดีลนี้ยังไม่จบง่ายๆ ถ้าหาก BH งัดข้อเรื่องการแข่งขันทางการค้ามาสู้ แม้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น BDMS 10 เมษายนนี้ จะอนุมัติ แต่ตอนจบคงดีลต้องมีให้ลุ้นต่อกันอีกหลายยกตามมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง