ธีระ กนกกาญจนรัตน์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท อรินแคร์ จำกัด กล่าวว่า "ยอดขายของร้านยาในเดือนมีนาคม ปริมาณการใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม Arincare เพิ่มขึ้นมาจากเดือนกุมภาพันธ์ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ร้านยาที่เข้าถึงหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายใน มีคนเข้าไปต่อคิวเยอะมาก เจ้าของร้านต้องมาปิดกระจกเพราะกลัวติด COVID-19"
ขณะที่คนไปต่อคิวซื้อหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายใน 2.50 บาท ต่อชิ้น (ซื้อได้ไม่เกิน 4 ชิ้น ต่อ 1 อาทิตย์) ต้องใช้บัตรประชาชน ส่วนร้านยาจะเขียนลงในกระดาษ และส่งรายชื่อเข้าทางสมาคม ซึ่งคนที่ไปรับ จากร้านหนึ่งก็ไปรับอีกร้านหนึ่งได้ โดยที่ร้านยาไม่มีทางรู้ได้เลย เกิดการเวียนเข้าไปซื้อหน้ากากอนามัย มีเคสที่ไปตอนเช้าและกลับไปตอนบ่ายอีกรอบนึง ซึ่งทางร้านจำไม่ได้ว่าคนไหนมาใช้สิทธิ์ไปแล้ว
-Arincare ชูธงปฏิรูปวงการเภสัชกรรม ยกระดับ Healthcare
ระบบของ Arincare สามารถนับโควต้าของประชาชนได้ เมื่อเข้ามารับอีกทีระบบจะแจ้งว่ารับไม่ได้ และสามารถดูได้แบบเรียลไทม์ ตรวจสอบได้ว่าร้านยาไหนมีของเหลือ หรือของขาด และยังสามารถระบุได้เลยว่าแต่ละคนสามารถไปซื้อหน้ากากได้จากร้านยาใกล้บ้านร้านไหนโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อแถว
"ตอนนี้สินค้าที่คนต้องการมากที่สุดนอกจาก หน้ากากอนามัย ก็มี เจลทำความสะอาด, ปรอทวัดไข้, ฟ้าทะลายโจร และยาสามัญประจำบ้าน"
วิกฤติ COVID-19 ความท้าทายของร้านยา
วิกฤติครั้งนี้เป็นความท้าทายโดยตรงของ Arincare ทำให้เห็นบทบาทของร้านขายยาที่เด่นชัดขึ้น ที่ผ่านมาร้านยาถูกคนมองข้าม เป็นแค่หน่วยเสริม แต่ในวิกฤติ COVID-19 ทำให้ร้านยาเป็นแนวหน้าของการเข้าถึงยา
อีกส่วนหนึ่งคือเทคโนโลยีของร้านยา ที่ไม่เคยถูกส่งเสริมด้านเทคโนโลยี ซึ่งโซลูชั่นของ Arincare สามารถเข้าไปช่วยได้
"ในอิตาลี หรือญี่ปุ่น ร้านยาจะเป็นแนวหน้า สำหรับคนที่ยังไม่ติด COVID-19 เราอยากให้คนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมร้านยาเปลี่ยนความคิดว่าเทคโนโลยีสำคัญ"
ธีระ กล่าวต่อว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เห็นเคสของต่างประเทศ เราได้ทำจดหมายเข้าไปที่ภาครัฐ ว่ามีโซลูชั่นที่เข้ามาแก้ไขได้ โดยเสนอให้ฟรี แต่ไม่ได้รับการตอบรับ บางหน่วยงานแจ้งมาว่าจะทำแพลตฟอร์มของตัวเอง
"เราเข้าใจว่าเป็นกระบวนการของภาครัฐ แต่ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย เราอยากทำเต็มที่เพื่อช่วยเหลือร้านยา"
