ถ้าบอกว่าเพลง หรือ ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนเราก็ไม่แปลก เพลงอยู่กับเราทุกที่ ตั้งแต่ตื่นนอน นั่งในรถ เปิดฟังตอนไปเรียนไปทำงาน เดินออกไปซื้อข้าว หรือ ก่อนนอนก็เปิด ‘มิวสิคสตรีมมิง’ จึงเป็นทางเลือกใหม่ในการเสพดนตรีของคนในยุคปัจจุบัน ยุคที่ทุกอย่างถูกครอบครองด้วยดิจิตอลทั้งหมด ทุกคนฟังเพลงผ่านออนไลน์ ง่ายไปหมดเพียงแค่ ‘กดค้นหา’
แล้วแบบนี้มิวสิคสตรีมมิงไหน ‘ดีและเข้ากับเรา’ ที่สุด ก็คงแล้วแต่ความชอบและไลฟ์สไตล์การฟังของผู้ใช้งานแต่ละคน สิ่งที่เราเลือกแน่นอนต้องเข้ากับเราที่สุดอยู่แล้ว งั้นเรามาดูว่ามิวสิคสตรีมมิงแบบไหน จะเหมาะ และ เข้ากับเราที่สุดกัน วัดๆ กันไปเลย
สมัครยังไง แล้วฟังผ่านช่องทางไหน
Apple Music
- สมัครจากการมี Apple Id ของอุปกรณ์ Apple อยู่แล้ว
- Android สามารถติดตั้งได้ แต่ต้องสร้าง Apple id เพื่อเข้าไปสมัคร
- บนโทรศัพท์ฟังผ่านแอป Music บนเว็บฟังผ่าน itunes
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือ Apple ได้ สามารถฟังผ่าน Apple watch , Apple Tv , Mac , Carplay
Spotify
- สมัครผ่าน Account Facebook หรือ สมัคร Account ใหม่
- บนโทรศัพท์ฟังผ่านแอป Spotify บนเว็บฟังผ่านแอป Spotify ในคอมพิวเตอร์ได้ (ต้องเลืองฟังช่องทางเดียว เปิดพร้อมกันไม่ได้)
Joox
- สมัครผ่าน Account Facebook , Account WeChat หรือ สมัคร Account ใหม่ผ่านอีเมล
- บนโทรศัพท์ฟังผ่านแอป Joox บนเว็บฟังผ่านเว็บ Sanook.com ในคอมพิวเตอร์ได้
ค่าบริการ (Price)
Apple Music
- ราคาบุคคลทั่วไป 129 บาท / เดือน
- ราคานักศึกษา 69 / เดือน
- ราคาแบบ family (สุงสุด 6 คน) 199 บาท / เดือน
- มีทดลองฟรี 3 เดือน
Spotify
- มีแบบไม่เสียค่าบริการ ที่สามารถสร้าง playlist ได้ , สุ่มเลือกแทร็ก playlist ได้ พร้อมฟังโฆษณา
- ราคาบุคคลทั่วไป 129 บาท / เดือน
- ราคาแบบ family (สุงสุด 6 คน) 199 บาท / เดือน
- ตอนนี้มีโปรโมชันสมัครแบบ Premium 3 เดือน (13 บาท / เดือน) หลังจากนั้น 129 บาท / เดือน
- สมัครแบบใช้ 2 เดือน จ่าย 1 เดือน เดือนต่อไป 139 บาท /เดือน (เฉพาะเครือข่าย Dtac และ AIS)
- มีทดลองฟรี 1 เดือน
Joox
- มีแบบไม่เสียค่าบริการ เพียงแค่แชร์เพลงจะได้เป็น Vip ฟังฟรี 12 ชั่วโมง พร้อมฟังโฆษณา
- แบบเสียเงิน ราคาบุคคลทั่วไป 1 อาทิตย์ 69 บาท , 129 บาท / เดือน , 349 บาท / 3 เดือน , 639 บาท / 6 เดือน และ 1,099 บาท / ปี
การออกแบบ (Design)
Apple Music
- การออกแบบของ Apple Music สายมินิมอลต้องชอบ เพราะ หน้าตาขาว สะอาด สบายตาสุดๆ รูปแบบใช้งานง่าย คนที่ใช้อุปกรณ์ในเครือ Apple คงจะชินกับลักษณะการออกแบบแนวๆ นี้ น้อยแต่มากอะไรแบบนั้น
Spotify
- เท่มากกก กอไกล้านตัว (นี่ไม่ได้ลำเอียงเลยจริงๆ ) หน้าจอมาในรูปแบบสีดำเหมือนเป็นคนฮิปๆ คูลๆ สีหลักของ spotify คือ สีดำ-เขียว คล้ายกับอีกค่ายหนึ่ง แต่คิดว่าเท่กว่ามาก มีการแบ่งสัดส่วนของเนื้อหาที่เข้าใจง่าย
- หน้าแรกของแอปพลิเคชั่น เป็นภาษาไทยเข้าใจง่าย แต่มีความอินเตอร์อยู่ ถ้าถามว่าผู้เขียนชอบการออกแบบไหนสุด คงเป็นอันนี้เพราะ มันทั้งเท่ เรียบๆ แต่เท่ เข้าใจง่าย เปิดแอปก็สัมผัสได้ถึงความคูล
Joox
- ถ้าเทียบ Joox เป็นคน จะเป็นสไตย์ตามกระแสหลัก เข้าถึงง่าย เฟรนลี่ ก็เหมือนกับการดีไซน์ของ Joox ที่หน้าหลักเป็นภาษาไทย เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่าย โทนสีที่ใช้ สีดำ และ สีเขียว จะแตกต่างจากความเท่ของอีกค่าย แต่นี่จะเป็นเขียวที่เฟรนลี่เข้าใจง่ายกว่า
- มีการแบ่งสัดส่วนของเนื้อหาที่ชัดเจน ตอบโจทย์คนฟังเพลงไทย เนื่องจาก playlist ส่วนใหญ่ที่โปรโมทล้วนแต่เป็นเพลงไทยทั้งหมด เพลงสากลมีแต่น้อย
ความหลากหลายของเพลง (Types)
Apple Music
- Apple Music ก็เป็นบริการสตรีมมิงเพลงในยุคแรกๆ ก่อนใครเค้า ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คอนเนคชั่นกับศิลปินหลากหลายก็มาก ทั้งยังเข้าถึงง่ายสำหรับผู้ใช้บริการอุปกรณ์ในเครือ Apple อีก จึงประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
- ความหลากหลายของเพลง เยอะมาก มีเพลงหลากหลายทุกแนว คลังเพลงเยอะพอพอกับ spotify หลากหลายสัญชาติ หลายภาษา มี Playlist จัดหมวดหมู่ไว้จากอัลบั้มของศิลปิน , Playlist ตามอารมณ์ ความรู้สึก ตามสไตล์ของเพลง ถ้าคนชอบฟังเพลงใหม่ๆ ที่ปล่อยได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเพลงสากล ตอบโจทย์มาก เพราะ ด้วยความแข็งแรงของ Apple Music ที่มีคอนเน็คชั่นกับศิลปินดังระดับโลกจงทำให้เพลงอาจจะปล่อยได้ไวกว่าที่อื่น
- คนที่ชื่นชอบเพลงไทย อาจจะต้องผิดหวังหน่อยเพราะ Apple Music ไม่ตอบโจทย์คนชอบฟังเพลงไทย เพลงไทยไม่ค่อยเยอะ
- เพลงแนว เกาหลี / ญี่ปุ่น เยอะกว่าที่อื่น
- สามารถสร้าง Playlist ของเราเองได้ และ ดาวน์โหลดฟังแบบ Off line
Spotify
- สตรีมมิงมิวสิค น้องใหม่ ที่เพลงเยอะมาก หลากหลายแนว หลากหลายสัญชาติ พอๆ กับ Apple music
- ถ้าใครชอบ Playlist หลากหลายแนว ที่จัดมาให้พร้อมแล้ว ทุกมู้ดความรู้สึก อารมณ์ สถานการณ์ สถานที่ Spotify ตอบโจทย์ที่สุด เราจะได้รู้จักเพลงใหม่ๆ ศิลปินใหม่ๆ ที่เราไม่เคยฟังมาก่อนได้ เหมือนเปิดโลกการฟังเพลงของเราให้กว้างขึ้นไปอีก
- Your daily mix ซึ่งจะเป็นเพลงที่เราฟังบ่อย Spotify ก็จะจัด Playlist เพลงที่เราชอบ ฟังบ่อยๆ และแนะนำเพลงที่คล้ายๆ กับแนวเพลงที่เราชอบในแทร็กต่อๆ ไป ซึ่งดีมาก เปิดประสบการณ์ฟังเพลง รู้จักแนวเพลง ศิลปินใหม่เพิ่มขึ้น
- สามารถกด Follow ศิลปินที่เราชอบได้ พร้อมทั้งรู้ความนิยม (ยอด Follow ) และ เพลงนั้นมีคนกดฟังเท่าไหร่ เหมือนเป็นการเช็คความนิยมไปในตัวได้
- สามารถกด Follow Playlist ของใครก็ได้ เพื่อน คนรู้จัก ไม่รู้จัก ติดตามอัลบั้ม Playlist ของเค้าได้อีกด้วย ทั้งยังสร้าง Playlist ของตัวเอง และ ดาวน์โหลดเพลงมาฟังแบบ Off line
Joox
- Joox เน้นเพลงไทย คนที่ชื่นชอบฟังเพลงไทย เพลงในกระแส หรือ เพลงสากลในกระแส Joox สามารถตอบโจทย์ได้ ด้วยคลังเพลงที่เยอะประมาณนึงแต่รู้สึกว่าไม่เท่ากับ Apple Music และ Spotify
- Playlist หลากหลายแนวตามอารมณ์ ความรู้สึก รวมเพลงศิลปิน เพลงฮิต เพลงล่าสุดต่างๆ ซึ่งเน้นเพลงไทยส่วนใหญ่ และ มีเพลงลูกทุ่ง และ ช่องทางเดียวเพลงค่าย RS ตอบโจทย์คนไทยครอบคลุมทุกไลฟ์สไตย์ ใครชอบฟังสากลมากกว่าเราขอไม่แนะนำ
- สามารถ Follow ศิลปินที่เราชอบได้อย่างง่ายดาย
- สร้าง Playlist ของตัวเอง และ ดาวน์โหลดเพลงมาฟังแบบ Off line ได้
ความคมชัด (Qulity)
Apple Music
- คุณภาพเสียงของ Apple Music ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี 256 Kbps ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีเลยสำหรับมิวสิคสตรีมมิง คุณภาพดีอยู่ ใช้ได้ ยิ่งถ้าบวกกับหูฟังดีๆ คิดว่าคุณภาพฟังเพลงในระดับโอเคเลย
Spotify
- คุณภาพเสียงของ Spotify มีหลากหลายระดับ ระดับ Low คุณภาพเสียง 24 Kbits ,ระดับ Normal คุณภาพเสียง 96 Kbits (แบบไม่เสียค่าบริการ) , ระดับ High คุณภาพเสียง 160 Kbits และ ระดับ Extreme (จ่ายแบบ Premium) คุณภาพเสียง 320 Kbits ซึ่งถือว่ามากที่สุดถ้าเปรียบเทียบกับทุกสตรีมมิง เสียงดีนะ คุณภาพในระดับที่พอใจเลย
Joox
- ตามความรู้สึกคุณภาพเสียงยังสู้ spotify และ Apple music ไม่ได้ แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ปานกลาง ถึง ดี คือสามารถฟังได้ สำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องคุณภาพของเสียง เน้นฟังเพลงเพียงอย่างเดียว
- คุณภาพเสียงของ Joox Low ขนาดไฟล์ 0.5 mb – 1 mb / เพลง (ใช้ได้เฉพาะการเชื่อมต่อแบบใช้ข้อมูล 3G/4G) Standard (1-2Mb/เพลง) และ Medium (3-4Mb/เพลง) สมาชิก VIP แบบ High 6-10Mb/เพลง ส่วนอันสุดท้าย Hifi ฟอร์แม็ตแบบไม่บีบอัดหรือ lossless โดยบิทเรตนั้นสูงถึงระดับ 900-1411 kbps
ความพิเศษ (Special)
Apple Music
- เนื่องจาก Apple music เชื่อมต่อกับ icloud ได้ เราจึงสามารถนำเพลงของเราเองเพิ่มใน Playlist ของเราได้ ผ่าน itunes
- For you จะมี Playlist เพลง ที่จัดเพลงที่เราเปิดบ่อย หรือเพลงที่ออกใหม่ New Release ที่น่าสนใจเอามาลงให้เราเห็น
- กด Connect Posts ผู้ฟังสามารถตามข่าวสาร เพลงใหม่ ของศิลปินที่เราชอบได้ ติดตามศิลปินได้ คอมเม้นลงไปได้
- Radio มีสถานีเพลง ให้เราฟังเพลง หรือ รายการวิทยุที่หลากหลาย (ผู้ฟังฟรีสามารถฟังวิทยุได้)
- Music Video เพลง
- สามารถ Create Station สร้างสถานีเพลงเป็นของเราเองได้
- มีเนื้อเพลง Lyric ให้ผู้ฟังร้องตามได้
- Share เพลงได้ไปยัง Facebook / Line / Mail / Message และ แอปพลิเคชันต่างๆ ได้
Spotify
- Your daily mix ซึ่งจะเป็นเพลงที่เราฟังบ่อย Spotify ก็จะจัด Playlist เพลงที่เราชอบ แนะนำเพลงที่คล้ายๆ กันกับแนวเพลงที่เราชอบในแทร็กต่อๆ ไป
- เป็นสังคม Community สามารถ adds เพื่อนได้ ติดตามเพื่อนและ Playlist ได้ รวมถึงสร้าง Playlist ของตัวเองไว้ฟัง และ รู้ว่าขณะนี้เพื่อนเราฟังเพลงอะไรอยู่
- รู้ตารางทัวร์ Concert ของศิลปิน วันไหน และ ที่ไหน
- สร้างคิวเพลงของเราเองได้ Add to Queue
- รู้ถึงยอด follow ของศิลปิน รวมถึงจำนวนครั้งของการเล่นเพลงของศิลปิน ทำให้เรารู้ถึงความนิยมได้
- Podcast รายการวิทยุตาม Categories ที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเพลง เกมส์ การศึกษา ธุรกิจ กีฬา ศิลปะ เรื่องเล่า ครอบครัว ตลก เป็นต้น จริงๆมีอีกเยอะมาก
- Share เพลง ไปยัง Facebook / Instagram Stories / Twitter / Line รวมถึงช่องทางอื่นๆ ได้อีก
Joox
- นอกจากการฟังเพลง Joox ให้อะไรมากกว่านั้น เช่น Sing Karaoke ผู้ฟังสามารถร้องได้ และสามารถติดตามผู้ร้องที่เราชื่นชอบได้ ให้คะแนน รวมถึง comment ต่างๆ
- Content ต่างๆ เกี่ยวกับศิลปิน อัพเดตข่าวสารศิลปินได้ รวมถึงเป็นช่องทางของศิลปินในการติดต่อแฟนคลับ และ การแสดงจากศิลปิน ผ่าน Joox Live
- Music video เพลง
- Lyric card แชร์เนื้อเพลงที่ชอบ ออกแบบ ตกแต่งในแบบที่เราชอบได้
- ฟังเพลงฟรี Vip 12 ชั่วโมง เพียงแชร์เพลงผ่าน Facebook , Instagram
- บันทึกเพลงเป็น QR Code ได้ และฟังเพลงจาก QR Code เชื่อมต่อมายัง App
นอกจากนี้ยังมีมิวสิคสตรีมมิงอีกทางเลือกหนึ่ง
Tidal
มิวสิคสตรีมมิง Tidal ที่เป้าหมายให้ทุกคนฟังเพลงคุณภาพเดียวกันกับฟังจากซีดี เจ้าของไม่ใช่ใครที่ไหน แร็ปเปอร์รุ่นใหญ่ Jay-Z คลังเพลงให้เลือกฟักว่า 48.5 ล้านเพลง คุณภาพของการส่งไฟล์เพลงมายังผู้ฟัง Flac 16-bit/44.1 kHz บิทเรต 1411 kbps เพลงทั้งหมดมาในรูปแบบ Hifi ซึ่งเป็นไฟล์ที่มีความละเอียดเท่าแผ่น CD จึงนับว่า Tidal เป็นมิวสิคสตรีมมิงที่คุณภาพเสียงดีที่สุด ฟังไปคงฟินแน่นอน
ซึ่งราคาก็แปรผันตามคุณภาพ เพราะ Tidal Premium อยู่ที่ 129 บาท / เดือน และ Tidal HiFi คุณภาพแบบไม่บีบอัด lossless 258 บาท / เดือน ซึ่งตอนนี้ทดลองฟรีอยู่ 30 วัน การออกแบบดีไซน์เท่มาก มีความฮิป ความคูล ให้ความรู้สึกแบบ Spotify แต่มีความแตกต่าง
ซึ่งก็เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับคนฟังเพลงอีกสตรีมมิงหนึ่งที่อยากฟังเพลงคุณภาพสูงเหมือนฟังแผ่น สามารถสมัครผ่าน Twitter / Facebook หรือ สร้าง Account ใหม่ไปเลย เท่าที่ได้ไปทดลองเล่นมารู้สึกว่าใช้ง่าย แต่เน้นวิดิโอ คุณภาพเสียงดีจริงๆ ใครชอบมาทางนี้ก็จัดเลย
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเพียงเบื้องต้น ข้อมูลครอบคลุมพื้นฐานของทั้งสามสตรีมมิงมิวสิคยักษ์ใหญ่ที่คนไทยให้ความนิยม ในเรื่องราคามีความใกล้เคียงกัน ความพิเศษต่างๆ ก็มีมาเพื่อเป็นตัวเลือกที่หลากหลายของผู้ฟังเพลงให้ได้เลือกกันตามความต้องการที่ชอบ สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าแอปพลิเคชั่นไหนดีที่สุดสำหรับใคร เพราะ การเลือก และ ตัดสินใจนั้นอยู่ที่ผู้ฟังเอง เพราะสิ่งที่คุณเลือก เป็นสิ่งที่คุณน่าจะรู้ว่าเข้ากับคุณที่สุดแล้ว
**ความคิดเห็นเป็นความคิดเห็น และ ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน