เป็นที่ทราบกันว่า Adobe มีบริการดีๆ อย่าง Typekit ที่ให้สมาชิกของ Creative Cloud สามารถซิงค์ (Sync) ฟอนต์ตัวอักษรรูปแบบต่างๆ ไปใช้งานกันได้แบบง่ายๆ และล่าสุด ทาง Adobe ก็ได้ออกมาประกาศเพิ่มฟอนต์ใหม่จาก Monotype (แนววินเทจ) เข้าไปใน Creative Cloud ถึง 665 แบบ จาก 41 ตระกูล โดยสามารถเริ่มใช้งานกันได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีตัวอย่างฟอนต์ดังนี้
Monotype ผู้ที่สร้างสรรคตัวอักษรมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจต่อการสร้างตัวอักษรอื่น อีกเป็นจำนวนมาก
7 ฟอนต์ตัวอย่าง จาก Monotype ที่เปิดให้ใช้ใน Creative Cloud
ITC Benguiat
นี่แล้ว ! คือฟอนต์ที่ใช้ในซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Stranger Things! ฟอนต์ ITC Benguiat เป็นแบบคลาสสิก ที่นิยมใช้บนปกหนังสือในช่วงทศวรรษ 1980 และอาจพบเห็นตามป้ายประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน ฟอนต์นี้ออกแบบโดย Ed Benguiat ดูสวยงามโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม แต่ถ้าต้องการใส่ลูกเล่นให้ดูมีสีสัน ฟอนต์นี้ก็มีตัวเลือกเพิ่มเติมให้เล่นสนุกได้ตามต้องการ
ITC Avant Garde Gothic
ฟอนต์นี้เกี่ยวข้องกับงานออกแบบของ Ed Benguiat แต่ในกรณีนี้เขาพัฒนาต่อยอดจากงานออกแบบดั้งเดิมของ Herb Lubalin และ Tom Carnase เพื่อขยายฟอนต์ที่ถูกออกแบบไว้สำหรับหน้าปกนิตยสาร Avant Garde ในช่วงทศวรรษ 1970 ฟอนต์นี้มีความยืดหยุ่นอย่างมาก สามารถสร้างบุคลิกที่โดดเด่นจากการใช้ภาพตัวอักษรที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
Gill Sans Nova
ฟอนต์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากฟอนต์ตัวอักษรที่ใช้ในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอน โดย Gill Sans เหมาะสำหรับการใช้งานถ้าหาก “เสน่ห์ของรถไฟในยุค Midcentury” คือรูปแบบความงามที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถปรับใช้ในกรณีอื่นๆ ได้อีกมากมาย ในช่วงหลายทศวรรษนับตั้งแต่ผลงานเบื้องต้นของ Eric Gill นักออกแบบคนอื่นๆ จำนวนมากได้พยายามปรับแต่งและออกแบบตัวอักษรเพิ่มเติม เพื่อให้กลายเป็นแบบอักษรที่ครบถ้วนและเป็นระบบ เช่น รูปแบบตัวผอม หรือมีการไล่ระดับสีแบบแปลกๆ และมีเค้าโครงแบบต่างๆ ให้เลือกใช้
Plantin
ฟอนต์นี้เพิ่งได้รับการฉลองวาระครบรอบ 100 ปีเมื่อไม่นานมานี้ และยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ที่จริงแล้ว ฟอนต์นี้คือต้นแบบแรงบันดาลใจสำหรับฟอนต์ Times New Roman โดยถูกตั้งชื่อตาม Christopher Plantin เจ้าของโรงพิมพ์ในศตวรรษที่ 16 แม่พิมพ์ต้นฉบับของฟอนต์อักษรนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1913 สำหรับการเรียงพิมพ์โดยใช้โลหะร้อน และปัจจุบันเรามีเวอร์ชั่นดิจิทัลที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสำหรับฟอนต์อักษรนี้แล้ว
Rockwell Nova
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเอาฟอนต์ที่ไม่มีเชิง (sans serif) อย่างเช่น Futura มา แล้วใส่เชิง (serif) เพิ่มเติมเข้าไป นักออกแบบที่ Monotype ตั้งคำถามนี้เมื่อปี ค.ศ. 1934 และคำตอบที่ได้คือ ฟอนต์ Rockwell ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาสำหรับใช้เขียนชื่อเรื่องและชื่อแบรนด์ต่างๆ และบางครั้งอาจใช้ในข้อความที่จัดเรียงเป็นระเบียบ ดูสวยสง่า หรืออาจมีการปรับเพิ่มขนาดสำหรับใช้เป็นหัวข้อข่าวหรือบทความที่ดูเข้มแข็ง ทรงอิทธิพล ฟอนต์นี้เหมาะสำหรับใช้งานในเกือบทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณใช้รูปแบบตัวผอมสำหรับพื้นที่ที่จำกัด
Sabon
Sabon ได้รับการออกแบบอย่างแม่นยำตามสเปค โดยมีข้อจำกัดบางประการที่อาจฟังดูแปลกประหลาดสำหรับนักออกแบบตัวอักษรในปัจจุบัน:
- ต้องทำงานในลักษณะเดียวกันบนแท่นพิมพ์ Monotype, Linotype และ Letterpress (ทุกวันนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาแท่นพิมพ์บางอย่างที่กล่าวมา)
- ไม่มีช่องไฟระยะห่างระหว่างตัวอักษร (อักษรทุกตัวมีระยะห่างในตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่อยู่ชิดกับตัวอักษรข้างๆ)
- รูปแบบตัวเอียงและตัวหนาต้องไม่กินพื้นที่เพิ่มเติม
- ต้องดูคล้ายกับฟอนต์ Garamond
โชคดีที่ Jan Tschichold ทำงานได้ตามข้อกำหนดดังกล่าว และฟอนต์นี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1967 และปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการพิมพ์หนังสือ
Trade Gothic Next
ในคลังเครื่องมือของดีไซเนอร์ จะต้องมีฟอนต์อักษรอย่าง Trade Gothic ซึ่งเหมาะสำหรับหัวข้อที่ดูชัดเจนและอินโฟกราฟิกที่ดูสวยงาม และตัวเลือก Soft Rounded เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในกรณีที่ฟอนต์แบบปกติดูแข็งเกินไป
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากใช้ฟอนต์ใหม่ที่ทาง Adobe เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานกัน ก็สามารถไปซิงค์ (Sync) ผ่าน Adobe Typekit ได้เลย โดยฟอนต์ที่ว่านี้จะอยู่ในหัวข้อ Monotype นะครับ