โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ASP หั่น EPS บจ. เหลือหุ้นละ 103.32 บาท

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 16 มิ.ย. 2562 เวลา 10.34 น.

ASP ปรับลดประมาณการ EPS ปี2562 ของบจ.อยู่ที่ 103.32 บาทต่อหุ้น และเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยที่ 1,699 จุด จับตาสัปดาห์นี้ ( 17- 21 มิ.ย.) สถานการณ์ความร้อนแรงในตะวันออกกลาง พัฒนาการสงครามการค้า

 

               ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไนต่อหุ้น (EPS) ปี 2562 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลงจากประมาณการเดิม 2.25% มาอยู่ที่ 103.32 บาทต่อหุ้น ผ่านการปรับลดสมมติฐานราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลง ทั้งในส่วนของราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่น และSpread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ส่วนระดับค่า PER ที่เหมาะสมคำนวนบนฐาน Market Earning Yield Gap ที่ 4.28%  (เท่ากับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง) ได้ค่า PER เหมาะสมที่  16.45 เท่า ทำให้ได้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2562 อยู่ที่ 1,699 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับปัจจุบันแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหลือ Upside ค่อนข้างจำกัด

 

               สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ (17-21 มิถุนายน) น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ปัจจัยในต่างประเทศ เริ่มจากสถานการณ์ความร้อนแรงในตะวันออกกลาง ตามด้วยพัฒนาการของสงครามการค้า ซึ่งน่าจะเห็นแนวโน้มบางอย่างออกมาในช่วงการประชุม G20 ในรอบผู้นำประเทศ วันที่ 28 – 29 มิ.ย. 2562 แต่อย่างไรก็ตาม ลำดับเหตุการณ์จนถึงปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณบวก ส่วนการเมืองในประเทศ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ควรจะต้องได้รายชื่อบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีพร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ก็ยังไม่น่าจะมีผลต่อ Sentiment การลงทุนมากนัก คาดดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ น่าจะยังมีระดับ 1,680 จุด เป็นแนวต้านสำคัญ

 

               ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะที่ดัชนีหุ้นไทยเหลือ Upside ที่ค่อนข้างจำกัด กลยุทธ์การลงทุนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต โดยหุ้นที่น่าสนใจควรเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งในทางปัจจัยพื้นฐาน พร้อมทั้งมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาเฉพาะตัว หรือ การจ่ายเงินปันผลที่ต่อเนื่องสนับสนุน

 

               อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายวิจัยได้ปรับพอร์ตโดยขายทำกำไรในหุ้น EASTW และ TFG ออกไป และนำเม็ดเงินที่ได้มากระจายเข้าในหุ้นอื่นๆ ในพอร์ต พร้อมเพิ่มหุ้นใหม่เข้ามาได้แก่ RS และ SCCC ซึ่งได้เลือกเป็น Top Pick ในสัปดาห์นี้ RS คาดผลประกอบการโดดเด่นในครึ่งปีหลังปีนี้ จากต้นทุนที่ลดลงตามมาตรการช่วยเหลือ Digital TV จากกสทช. รวมถึงคาดรายได้เติบโตจากการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง TV ที่ได้ขยายเพิ่มเติมสู่ช่อง ไทยรัฐ ส่วนราคาหุ้นยัง Laggard

 

               ขณะที่ SCCC ความต้องการใช้ปูนฯ ในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่ การปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร แสดงผลบวกออกมาได้ดี อีกทั้งราคาหุ้นยังให้ Dividend Yield ใกล้ 4% ต่อปี สำหรับภาพรวมการลงทุนในพอร์ตหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักไว้ที่ 40% ตามเดิม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0