ชั่วโมงนี้ในท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า“หุ้นสหรัฐ” ยังถือเป็นดาวเด่นสุดในกลุ่ม“ตลาดพัฒนาแล้ว(Developed Market)”
ในขณะที่ฝั่งประเทศที่มีการเติบโตสูงนอกจาก“จีน” ซึ่งปัจจุบันยังเจอแรงกดดันจากการคุมเข้มจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่องก็ทำให้“เวียดนาม” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการเติบโตสูงและมีความโดดเด่นเช่นกัน
วันนี้ทีมงาน‘โต๊ะกองทุนWealthythai’ มีมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจมาอัพเดทกันเช่นเคย
“บลจ.พรินซิเพิล” ชู“หุ้นเวียดนาม” เด่นสุดในภูมิภาค…แนะตลาดย่อ‘ทยอยสะสม” ลงทุนระยะยาว
โดย“จุมพลสายมาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิลจำกัด(Principal) มองว่า เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่งรับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติยกระดับประเทศสู่ ‘ฮับด้านการผลิตของโลก’ และก้าวสู่สังคมเมืองหนุนการเติบโตในระยะยาวรวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายการบริหารประเทศที่ค่อนข้างนิ่งมีประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลให้เวียดนามกำลังยกระดับจากประเทศ ‘เกษตรกรรม’ ไปสู่ ‘ฮับด้านการผลิตของโลก’ และการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมืองหรือ Urbanization จากรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาคนี้
(จุมพล สายมาลา)
“ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ล่าสุดแม้ส่งผลต่อการปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ยังเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแนะเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นหลังตลาดปรับฐานแล้วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาและจะกระทบต่อตลาดทุนในระยะสั้น”
สำหรับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติหรือ FDI ในเวียดนามในปี 21 คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 6% ของ GDP และเคยพุ่งขึ้นสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 10% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าประเทศไทยจีนและค่าเฉลี่ยทั่วโลกโดยในปีที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุน FDI 3 อันดับแรกอยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์รวมถึงมีการลงทุนในเซ็กเตอร์อื่นๆเช่นค้าปลีก-ส่ง, เทคโนโลยีและยานพาหนะ, โลจิสติกส์และการขนส่งเป็นต้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามกำลังก้าวสู่ประเทศอุตสาหกรรมการผลิตและสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดส่งออกจากจีนได้มากพอสมควรโดยอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนในเวียดนามได้แก่นิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และที่อยู่อาศัยทั้งนี้เชื่อว่าหากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบนี้ได้ตลาดหุ้นเวียดนามพร้อมปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งดังกล่าว”
“บลจ.ทหารไทย” มั่นใจ“หุ้นสหรัฐ” พื้นฐานยังแกร่ง…กำไรบจ.ยังซัพพอร์ตตลาดต่อเนื่อง
ในขณะที่“บดินทร์พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบลจ.ทหารไทยจำกัด(TMBAM Eastspring) ยังมั่นใจใน“ตลาดหุ้นสหรัฐ” เพราะมองว่าปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจประกอบกับมาตรการทางเศรษฐกิจและการคลังที่ยังคงทยอยออกมาซึ่งมีมูลค่ามหาศาลทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มดูดีขึ้นอย่างชัดเจนปัจจุบันเราจะเห็นว่า“ตลาดหุ้นโลก” นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง‘สหรัฐ’ และ‘ยุโรป’ ต่างเเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสวนทาง“ตลาดหุ้นเอเชีย” และ‘ตลาดหุ้นจีน’ อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากตลาดหุ้นจีนที่มีการปรับฐานแรงในเดือนที่ผ่านมาจากการออกกฎระเบียบควบคุมบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆจากทางการจีนนั้นอาจยากที่จะประเมินถึงผลกระทบต่อกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องว่าจะลากยาวแค่ไหน
(บดินทร์ พุทธอินทร์)
“สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐนั้นทีมกลยุทธ์เชื่อว่ามีโอกาสทำจุดสูงสุดต่อเนื่องแม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นและตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มลดความร้อนแรงเพียงแต่ในช่วงปลายเดือนอาจต้องจับตาการประชุมประจำปีของเฟด(Jackson Hole) ในวันที่26-28 สิงหาคม ซึ่งมีโอกาสที่ตลาดจะผันผวนได้บ้างเพราะมีความเป็นไปได้อยู่ที่ทางประธานธนาคารกลางสหรัฐอาจใช้เวทีการประชุมนี้ในการกล่าวถึงแนวทางการลดวงเงิน QE จากการคาดการณ์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯแต่หากพิจารณาภาพเศรษฐกิจโดยรวมเชื่อว่ายังคงเติบโตได้”
อย่างไรก็ตามภาพการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐคาดว่าจะยังได้แรงหนุนและมีโอกาสเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่จากงบของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีโดยบริษัทใน‘ดัชนี S&P500’ ในไตรมาส2/2021ที่มีการประกาศผลการดำเนินงานออกมาแล้วถึงช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมจำนวน294 บริษัทมียอดขายที่เติบโตกว่า27% และมีกำไรที่เติบโตกว่า97%
นี่คือหุ้นจาก2 ภูมิภาคที่ต่างขั้ว-ต่างสไตล์แต่ก็มีความน่าสนใจในแบบฉบับของตัวเองไม่ว่าจะเป็น“หุ้นสหรัฐ” หรือ“หุ้นเวียดนาม” ก็ตามใครที่อยากจะกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวเชื่อว่าทั้ง2 ตลาดนี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว