มีความเชื่อค่อนข้างสูงไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมา จากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา
ว่าหลังจากประสบเข้ากับคำวินิจฉัยยุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญพรรคอนาคตใหม่จะต้องแตก
ทั้งยังเป็นการแตกในลักษณาการแห่ง “ผึ้งแตกรัง”
เป็นบทสรุปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นหลังรัฐประหารและมีการยุบ พรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 เป็นบทสรุปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551
จากความเชื่อเช่นนี้เองทิศทางจากรัฐประหารปี 2549 ต่อเนื่อง มายังรัฐประหารปี 2557 จึงยังยึดกุมกโลบายในการยุบพรรค
นี่คือแนวอันมาจาก”ผู้กำกับ”ละครการเมืองของไทย
ไม่ว่าการเมืองหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าการเมืองหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ล้วนเดินตามพิมพ์เขียวเช่นนี้
อย่าได้แปลกใจหากจะเห็นอาการตื่นตาตื่นใจอันมาจากพรรค พลังท้องถิ่นไท
เพราะว่าดูด ส.ส.งูเห่าไปได้แล้วก่อนหน้านี้
ความเชื่อมั่นจากพรรคพลังท้องถิ่นไทสูงถึงระนาบที่ว่าจะมีส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่เข้าไปซบเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คน
ความเชื่อมั่นนี้ภายในพรรคพลังประชารัฐก็มี
ความเชื่อมั่นนี้กำลังท้าทายไม่เพียงแต่ต่อ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ หากท้าทายต่อคำประกาศของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
และท้าทายต่อการนำในยุคของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วย
ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ยังมีเวลาเพื่อการตัดสินใจตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นเวลา 90 วัน
การพิสูจน์ทราบไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก
สัมผัสหนึ่งที่จะต้องแสดงออก คือ สัมผัสจากญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ท่วงท่าและเนื้อหาในการอภิปราย อาจยังเข้มข้นไม่แปรเปลี่ยน
แต่จำนวนมือที่จะเทไปให้กับรัฐมนตรี 6 คนอันเป็นเป้าของการอภิปรายจะเป็นคำตอบหนึ่ง
เป็นคำตอบว่าผึ้งแตกรังหรือว่าน้อยนิดกะปริบกะปรอยยิ่ง